ระยอง-ตร.ท่องเที่ยวระยอง ตรวจปัสสาวะคนขับเรือ-รถโดยสารรับส่ง นทท.ท่าเรือข้ามฟากเกาะเสม็ด ขานรับนโยบายรัฐบาล และสร้างความปลอดภัย-ความเชื่อมั่น นทท.

ตำรวจท่องเที่ยวระยอง ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะคนขับเรือ-รถโดยสารสาธารณะรับส่งนักท่องเที่ยวท่าเรือข้ามฟากเกาะเสม็ด ขานรับนโยบายปราบปรามยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งระยอง เป็น 1 ใน 10 จังหวัดนำร่อง ทั้งยังเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตให้กับนักท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พ.ย.67 ที่บริเวณอาคารท่าเทียบเรือและศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลตำบลบ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.อนาวิน เฟื่องอารมย์ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวระยองบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจหาสารเสพติดคนขับเรือ และคนขับรถโดยสารสาธารณะรับส่งนักท่องเที่ยวท่าเรือข้ามฟากเกาะเสม็ด โดยได้สุ่มตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ทั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดนำร่อง 1 ใน 10 จังหวัดของกระทรวงมาหาดไทย และเป็นมาตรการสร้างความปลอดภัยในชีวิตของนักท่องเที่ยว และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวด้วย

พ.ต.ต.อนาวิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทั้ง Hospitality และ Safety เพื่อให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่าเมืองไทยปลอดภัย และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในดูแลนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดอุบัติภัยทางน้ำและทางบกกับนักท่องเที่ยวในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว โดยหลังการเกิดอุบัติภัยแล้วได้มีการตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะพนักงานรับจ้างขับรถ ขับเรือโดยสารสาธารณะ ส่งผลกระทบทำลายภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นด้านการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล อีกทั้งเพื่อเป็นขานรับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจังหวัดระยอง เป็น 1 ใน 10 จังหวัดนำร่องในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งเพื่อการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำและทางบกเชิงรุก สถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 จึงได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สุ่มตรวจหาสารเสพติดคนขับรถโดยสารสาธารณะ และคนขับเรือฯ ขึ้นดังกล่าว โดยครั้งนี้เป็นการสุ่มตรวจเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นด้านท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย.