ประจวบคีรีขันธ์-รวบชาย 2 ราย ล่า นกอีลุ้ม สัตว์ป่าคุ้มครอง อ้างเอาไปทำอาหาร ในพื้นที่บ้านไร่ยุบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประจวบคีรีขันธ์-รวบชาย 2 ราย ล่า นกอีลุ้ม สัตว์ป่าคุ้มครอง อ้างเอาไปทำอาหาร ในพื้นที่บ้านไร่ยุบ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เมื่อเวลา 02.20 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรศักดิ์ ศิวะกุล รองสารวัตร (ป) กก.5 และ ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ทองแก้ว ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายด้านสัตว์ป่า ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ฐานปฎิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ พบ.2 (หุบตะเคียนยักษ์) และเจ้าหน้าที่วนอุทยานห้วยน้ำซับ ร่วมกันออกปฏิบัติการ ตามสัญญาณแจ้งเตือนจากสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ว่ามีการลักลอบวางตาข่ายดักนกในพื้นที่บ้านไร่ยุบ หมู่ 15 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
โดยใน คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงที่เปิดล่อนกจนพบ นายสมพบอายุ 42 ปี ชาว จ.เพชรบุรี นั่งอยู่ในเพิงพัก พร้อมของกลางเป็นซากนกอีลุ้ม จำนวน 3 ซาก อุปกรณ์ล่อนก เช่น ลำโพง เครื่องขยายเสียง แบตเตอรี่ และตาข่ายดักนก
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่เดินตามเสียงนกต่อไปอีกไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุแรก ตรวจพบ นายสมหวัง ขณะกำลังถอนขนนกอีลุ้ม จำนวน 1 ซาก เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวและตรวจยึดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงซากนกอีลุ้ม
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง โดยให้เหตุผลว่าล่านกเพื่อใช้ประกอบอาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในข้อหา ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้ในครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
โดยของกลางทั้งหมดถูกส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองรายอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 89 และมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติฯ
สำหรับนกอีลุ้ม ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพมาทำรังวางไข่ในประเทศไทย มีขนาดเล็ก-กลาง ปากเรียวแหลม ขาสีเขียว ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเหลือง มีลายขีดสีน้ำตาลเข้ม โดยในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้สีสันจะเปลี่ยนไป ปากสีแดง ปลายปากสีเหลือง มีกระบังหน้าสีแดง ขาสีแดง และลำตัวสีน้ำตาลดำ
เจ้าหน้าที่ขอย้ำเตือนประชาชนว่าการล่าสัตว์ป่าคุ้มครองถือเป็นความผิดร้ายแรง ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสกรณีพบการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าและป่าไม้ผ่านสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศต่อไป.
นายนิพล ทองเก่า นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์/4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0909944781