25/11/2024

กาฬสินธุ์-กันจอมพลังร่วมตำรวจปกครองลุยช่วยหนุ่มกาฬสินธุ์ถูกพระสำนักสงฆ์ถือปืนบุกบ้านขู่ยิง

กาฬสินธุ์-กันจอมพลังร่วมตำรวจปกครองลุยช่วยหนุ่มกาฬสินธุ์ถูกพระสำนักสงฆ์ถือปืนบุกบ้านขู่ยิง

 

กันจอมพลังร่วมกับตำรวจสภ.เขาวง ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลุยช่วยหนุ่มวัย 22 ปี ชาวตำบลกุดสิมคุ้มใหม่ อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์หลังถูกพระสำนักสงฆ์ถือปืนบุกขู่ยิง ก่อนนำกำลังเข้าตรวจสอบพบอาวุธปืน 2 กระบอก ตรวจปัสสาวะพบสีม่วง นำตัวลาสิกขาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 14.00 น วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 กันจอมพลัง หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ลงพื้นที่ สภ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมประสานงานกับ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้มอบหมายให้ พ.ต.อ. สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.เขาวง ร่วมกับ ชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.เขาวง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เขาวง และผู้นำชุมชน เพื่อช่วยเหลือหนุ่มวัย 22 ปี ชาว กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์

หลังจากมาขอให้กันจอมพลังช่วย ซึ่งระบุว่าถูกพระพูลพัฒน์ (นามสมมุติ)อายุ 49 ปี ที่พักสงฆ์ชมพูทวีป อ.เขาวง ด่าเป็นประจำ เนื่องจากไม่พอใจที่ตนและพ่อไม่ยอมขายที่ดินให้ จนวันที่ 26 มิ.ย.67 เกิดเหตุพระได้บุกเข้ามาในบ้านของตน และถือไม้มาไล่ตี ตนจึงวิ่งหนี แต่พระไม่หยุดกลับไปเอาปืนลูกซองที่วัดมาวิ่งไล่ต่อในบ้าน ตนพยามหลบแต่พระเห็นจึงหันลูกซองมาจ่อหน้า แต่เห็นตนถ่ายคลิปเหตุการอยู่จึงหยุด และเดินกลับไป แต่ฝากว่ามึงอยู่ในบ้านนี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะเอาลูกน้องมาจัดการทั้งหมด ทางพ่อกับลูก จึงพากันหนีไปอยู่ที่อื่นกลัวความปลอดภัย

จากนั้น พ.ต.อ. สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.เขาวง พร้อมด้วยกัน จอมพลัง เจ้าชุดสืบสวนสภ.เขาวง ชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์แห่งดังกล่าว พบว่ามีลักษณะเป็นที่พักสงฆ์มีรั้วรอบขอบชิด และได้พบกับพระพูลพัฒน์ และนายแสงสุรี (นามสมมุติ)อายุ 40 ปี ลูกศิษย์วัด


จากการสอบถามพระพูลพัฒน์ อ้างว่า ก่อนหน้านี้เคยติดต่อซื้อที่ดินกับหนุ่มดังกล่าวซึ่งมีพื้นที่ติดกันจริง เนื่องจากเขาต้องการขาย แต่ไม่สามารถซื้อได้ เพราะไม่มีโฉนดที่ดินจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกกระทั่งล่าสุดหนุ่มที่อยู่ข้างที่พักสงฆ์ได้มาตัดตาขาย และก่อนหน้านี้ได้มาถอนธง พี่อยู่ทางเข้าที่พักสงฆ์ออก จนมีปากเสียงกันตลอดเรื่อยมาและวันเกิดเหตุชายคนดังกล่าวได้เดินมาใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพสำนักสงฆ์ จึงได้ใช้ไม้กวาดไล่ให้ออกไปและนำปืนซึ่งเป็นปืนปลอมออกมาขู่ แต่ไม่ได้ยิงหรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด

ทั้งจากการตรวสอบภายในกุฎิและที่พักซึ่งทางพระได้ยินยอมพาตรวจสอบ พบปืนไทยประดิษฐ์ หรือปืนแก๊บ 1 กระบอก และพบปืนลูกซองสั้นอีก 1 กระบอก ขวดเหล้าขาว อุปกรณ์เสพและกัญชาจำนวนหนึ่ง ส่วนอาวุธปืน ที่อยู่ในคลิปซึ่งพระอ้างว่าเป็นปืนปลอมนั้นยังตรวจหาไม่พบ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำพระและลูกศิษย์วัดทำการตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง จึงคุมตัวไปลาสิกขาบทและดำเนินคดีตามกฎหมาย

กันจอมพลัง หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ กล่าวว่า ได้รับการขอให้ช่วยจากหนุ่มชาว กาฬสินธุ์ ว่าถูกพระด่าทอและใช้ปืนบุกมาข่มขู่ จึงได้ประสานงานกับทางผู้บังคับการจังหวัดกาฬสินธุ์ และผู้กำกับการสภ.เขาวง ฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบ ซึ่งก็พบหลักฐานเป็นอาวุธปืนนอกจากนี้ยังพบว่าพระและลูกศิษย์นั้นเสพยาเสพติดอีกด้วยซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งตำรวจฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชนช่วยกันในครั้งนี้

ด้านหนุ่มวัย 22 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุพระรูปดังกล่าวได้ถือด้ามไม้กวาดไล่ เพื่อหวังจะทำร้ายตนเข้ามาในเขตบริเวณบ้าน ตนจึงวิ่งหนี จากนั้นพระรูปดังกล่าวได้เอาลูกปืนมาขู่แล้วบอกว่า จะไปเอาปืนลูกซองมายิง ก่อนที่จะไปเอาปืนลูกซองมาจริง และหันไปกระบอกปืนมาทางตนเพื่อขู่ ตนได้ถ่ายคลิปไว้ พระได้ตะโกนด่าทอหลังจากนั้นได้เดินหนีไปตนจึงนำเรื่องขอความช่วยเหลือกับกันจอมพลัง เพราะกลัวว่าจะได้รับอันตราย และในวันนี้ก็รู้สึกโล่งใจ และขอขอบคุณทางคุณกัน จอมพลัง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกคน

ขณะที่พ.ต.อ. สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.เขาวง กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และพระซึ่งยินยอมให้เข้าตรวจสอบในกุฎิและที่พักพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ หรือ ปืนแก๊บ 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก นอกจากนี้ยังยินยอมที่จะ ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งพบว่าเป็นสีม่วงมีสารเสพติดเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปลาสิกขาบท และนำตัวไปสอบสวนและ เบื้องตันแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า ส่วนคดีที่ผู้เสียหายถูกพระถือเป็นบุกเข้าไปข่มขู่นั้น เพิ่งได้เดินทางเข้ามาแจ้งความเวลา 09.00 น.วันนี้ (7 กรกฎาคม 256) ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้แจ้งความ ซึ่งทางทางพล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ได้กำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย ซึ่งหลังจากตำรวจรับเรื่องร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนก็ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำ ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เรื่องราวที่คุณอาจพลาดไป