กาฬสินธุ์-หนุ่มทาสยาบ้าคุ้มคลั่งชกหน้าปลัดอำเภอกุฉิณารายณ์ยับชาวบ้านสุดผวา
เกิดเหตุหนุ่มใหญ่ทาสยา เกิดอาการคุ้มคลั่ง ตะเวนก่อเหตุซ้ำซ้อน เริ่มจากขว้างก้อนหิน ท่อนไม้ใส่บ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหายหลายหลัง จากนั้นไปขโมยไก่ บุกเข้าไปทุบทำลายโอ่งน้ำในวัด ออกมาพบปลัดอำเภอ รัวหมัดใส่ใบหน้าไม่ยั้งจนบวมปูด ก่อนเดินกลับบ้านไปคว้ามีดพร้อมจอบจะบุกเข้าไปทำร้ายพระเณรในวัด ชาวบ้านเห็นช่วยกันจับไว้ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่มาคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ เผยประวัติเป็นภัยสังคม เพิ่งออกจากเรือนจำ ก่อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุการณ์ชายคุ้มคลั่ง ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้าน และพระ เณร โดยทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายปลัดอำเภอ และพกพาอาวุธจะเข้าไปทำก่อเหตุร้ายในวัดอีก โดยเหตุเกิดที่บ้านนาโก ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่บ้านนาโก พบกับพระครูศรีธรรมโกศล เจ้าคณะอำเภอกุฉินารายณ์ โดยพระครูศรีธรรมโกศล ให้ข้อมูลว่า ชายที่คุ้มคลั่งเข้ามาทำลายข้าวของภายในวัด และจะทำร้ายญาติโยม พระเณรภายในวัดนั้น ชื่อนายสมิงเด็ด (นามสมมุติ)อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน มีพฤติกรรมข้องเกี่ยวกับยาเสพติดมานานกว่า 20 กว่าปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยโดนจับ ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน พ.ย.65 เพราะไปบุกพังประตูบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และพังประตูรั้วบ้านของพี่สาว จึงถูกจับดำเนินคดีจำคุก 1 ปี 2 เดือนแล้วได้พ้นโทษออกมาช่วงเดือน ธ.ค.66 ที่ผ่านมา
พระครูศรีธรรมโกศลกล่าวอีกว่า กระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าเวลา 07.00 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ใช้ก้อนหิน ท่อนไม้ ขว้างปาใส่บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายหลัง นอกจากนี้ยังขโมยไก่ของชาวบ้าน บุกเข้าไปทุบโอ่งทุบถังน้ำภายในวัดได้รับความเสียหายอีก ก่อนจะเดินออกมานอกวัด พบกับนายสุโข บาลศรี อายุ 56 ปี ปลัดอำเภอกุฉินารายณ์ นายสมิงเด็ดไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าทำร้ายร่างกายนายสุโข จนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าฟกช้ำปูดบวม ตาขวาปิด ปากแตก จากนั้นนายสมิงเด็ดก็ได้เข้าไปเอามีดพร้อมกับจอบที่บ้านตนเอง แล้วกลับมาวัดสิมนาโกอีก พอดีชาวบ้านที่กำลังทำบุญตักบาตรมองเห็น จึงได้ช่วยกันรุมจับและควบคุมตัวนายสมิงเด็ดเอาไว้ได้ แล้วโทรศัพท์แจ้งความตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ เพื่อให้มานำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนางสำราญ ตามสัน อายุ 79 ปี ชาวบ้านนาโก ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่านายสมิงเด็ดได้เริ่มก่อเหตุอาละวาดตั้งแต่เวลา 05.00 น.ของวันนี้ โดยได้ขว้างปาก้อนหินและท่อนไม้ ใส่กระจกบ้านชาวบ้านจนแตกเสียหาย จากนั้นบุกเข้าไปในบริเวณบ้านชาวบ้าน แล้วทำลายข้าวของ ขโมยไก่ของชาวบ้าน ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกับบ้านของนายสมิงเด็ด ทำให้ชาวบ้านรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าออกจากบ้านไปประกอบอาชีพ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ เพื่อเข้ามาระงับเหตุ
นางสำราญกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้หลังจากพ้นโทษนายสมิงเด็ด ไม่เคยมีพฤติกรรมก่อเหตุอาละวาดแบบนี้ มีเพียงแค่ไม่หลับไม่นอน และเดินรอบหมู่บ้านเท่านั้น จนวันนี้มาก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายสุโข บาลศรี ปลัดอำเภอกุฉินารายณ์ แล้วทำลายสิ่งของภายในบ้านของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ถือว่าพฤติกรรมที่นายสมิงเด็ดทำครั้งนี้น่ากลัวอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับนายสมิงเด็ดให้ถึงที่สุด และ
อยากให้จับติดคุกไปนานๆไม่อยากให้ออกมาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอีก
ขณะที่นายสุโข บาลศรี อายุ 56ปี ปลัดอำเภอกุฉินารายณ์ ซึ่งถูกนายสมิงเด็ดทำร้ายร่างกายกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนเดินออกกำลังกายเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา คือเดินเข้าไปในหมู่บ้านแล้วก็เดินกลับมาบ้านของตน แต่โชคร้ายในระหว่างทางที่เดินตนก็ได้พบกับนายสมิงเด็ด ซึ่งอยู่ในอาการคุ้มคลั่ง และพึ่งบุกไปทำลายข้าวของที่วัดสิมนาโก พอนายสมิงเด็ดมองเห็นตน ก็ตรงเข้ามาลงมือทำร้ายทันที โดยที่ตนไม่สามารถต่อสู้หรือตอบโต้นายสมิงเด็ดได้เลย พอนายสมิงเด็ดทำร้ายตนจนพอใจแล้วก็เดินผละไปอย่างหน้าตาเฉย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางเรืองศรี โพนยงค์ อายุ 52 ปีอยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ที่ 4 บ้านนาโก ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ ซึ่งเป็นพี่สาวของนายสมิงเด็ด นางเรืองศรีเล่าว่าก่อนที่นายสมิงเด็ดจะไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายชาวบ้าน และทำลายข้าวของชาวบ้านนั้น น้องชายของตนได้มาขอเงินพร้อมกับข้าวเหมือนที่เคยทำเป็นประจำหลังจากที่ออกมาจากเรือนจำ ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 แต่วันนั้นไม่รู้ว่านายสมิงเด็ดเกิดความไม่พอใจอะไร หลังจากที่ตนให้เงินและก็ข้าวไปแล้ว นายสมิงเด็ดได้จุดไฟเผากองฟางบริเวณหน้าบ้านของตน ลูกสาวได้ถ่ายคลิปไว้เพื่อเป็นหลักฐาน แล้วก็ได้นำน้ำมาดับไฟที่นายสมิงเด็ดจุดได้ทัน
“ล่าสุด ได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านในหมู่บ้านได้โทรมาแจ้งว่าน้องชายกำลังคุ้มคลั่งอาละวาด ขว้างปาก้อนหินและท่อนไม้ใส่กระจกบ้านชาวบ้านแตกพังเสียหาย พร้อมกับทำร้ายคนภายในหมู่บ้าน ซึ่งตนเองกับนายสมิงเด็ดพักอยู่บ้านคนละหลัง ห่างกันประมาณ 1 กม. พอได้ยินเช่นนั้นตัวนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ยังดีที่ตำรวจสภ.กุฉินารายณ์ ได้มาควบคุมตัวนายสมิงเด็ดไปสงบสติอารมณ์ ที่ สภ.กุฉินารายณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นางเรืองศรีกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าตำรวจสภ. กุฉินารายณ์ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนคุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายชาวบ้านและทำลายทรัพย์สิน เจ้าตำรวจสภ.กุฉินารายณ์ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้รุนแรง จนสามารถควบคุมตัวนายสมิงเด็ดเอาไว้ได้ จากนั้นนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาบ้า) พร้อมข้อหาลักทรัพย์ ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายอยู่ระหว่างการประสานกับผู้เสียหาย ให้เข้ามาดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ จึงจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มกับนายสมิงเด็ดได้