“มานพร” ร่วมส่งเสริมเกษตรกรไทย ผลักดันใช้ “โดรนการเกษตร” เพื่อเพิ่มผลผลิต-ลดต้นทุน สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล
“มานพร” ร่วมส่งเสริมเกษตรกรไทย ผลักดันใช้ “โดรนการเกษตร” เพื่อเพิ่มผลผลิต-ลดต้นทุน สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล พร้อมสั่งการ บวท. จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการใช้โดรนอย่างถูกวิธี-ถูกต้องตามกฎระเบียบ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการผลักดันโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมการนำโดรนเพื่อการเกษตร หรือ “นครพนมโมเดล” จึงได้มอบหมายให้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) บูรณาการความร่วมมือกับกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการในพื้นที่แปลงเกษตรสาธิตผลิตข้าวเหนียวพันธุ์ กข22 บ้านพนอม เป็นต้นแบบในการส่งเสริมเกษตรกรให้ใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร ทั้งในส่วนของการใช้ห้วงอากาศอย่างปลอดภัย และการบินโดรนอย่างถูกต้องตามระเบียบ
โดยภายหลังจากนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมใช้ในภาคเกษตร จะทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและลดต้นทุนการปลูกข้าว ให้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อไร่ ก่อนจะขยายผลไปยังพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ทั่วประเทศ ตามนโยบาย 1 ตำบล 1 โดรนการเกษตรของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีทำการเกษตรที่มีความแม่นยำสูง ลดใช้แรงงาน ลดต้นทุน ลดการสัมผัสยาฆ่าแมลง เพิ่มคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โครงการนี้นอกจากจะช่วยสนับสนุนเกษตรกรเพื่อยกระดับสู่ “เกษตรอัจฉริยะ” ที่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืนแล้ว ยังส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
ทั้งนี้ในวันที่ 24 มกราคม 2568 ได้เปิดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวเหนียวคุณภาพดี” ในพื้นที่นำร่องเขตปลดล็อคอากาศยานไร้คนขับเพื่อการเกษตร ณ แปลงสาธิตการผลิตข้าวเหนียวพันธุ์ กข22 บ้านพนอม อำเภอท่าอุเทน และศูนย์ประชุมศรีโคตรบูรณ์ จังหวัดนครพนม
นางมนพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการใช้โดรนในภาคเกษตรเติบโตเฉลี่ย 200% จึงได้มอบหมายให้ บวท. ดำเนินโครงการ “โดรนเกษตรปลอดภัย” เพื่อส่งเสริมการใช้งานโดรนเพื่อการเกษตรอย่างถูกวิธี และถูกต้องตามกฎระเบียบ ซึ่ง บวท. ได้ให้ผู้บริหารและพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ลงพื้นที่ ให้ความรู้ในด้านการกำกับดูแลห้วงอากาศ การสาธิตการบินโดรนที่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์ และกฎระเบียบการบินโดรน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้โดรนเกษตรแก่ฝ่ายปกครองท้องที่ จำนวน 350 คน ณ ที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในอนาคตอีกด้วย