สืบนครบาล รวบ ผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำงาน หลอกลงทุน หลอกให้กู้เงิน หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหมายจับติดตัว 7 หมาย
สืบนครบาล รวบ ผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำงาน หลอกลงทุน หลอกให้กู้เงิน หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีหมายจับติดตัว 7 หมาย
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่สร้างเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้จับกุมตัว
นายทีฆายุ อายุ 41 ปี ที่อยู่เลขที่ 1 ถนนวชิรปรากร ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีผู้ต้องหาตามหมายจับ
1 ราย 7 หมายจับ ดังนี้
1. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4307/2566 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิเตอร์แลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ”
2. ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.261/2566 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยเจตนาทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
3. ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.378/2565 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์”
4. ตามหมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ จ.423/2565 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
5. ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.845/2565 ลงวันที่ 22 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
6. ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.217/2566 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
7. ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.60/2567 ลงวันที่ 11 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
.
จับกุมบริเวณไซด์ก่อสร้าง ภายในซอยเกรียงไกรยุค ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
.
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 ผู้เสียหายมาพบ พงส. แจ้งว่าได้พบเห็นโฆษณาทางเฟสบุ๊ครับทำงานออนไลน์ ผู้แจ้งได้ติดต่อไปและมีการตอบกลับให้ทำงานโดยโอนเงินเข้า บช.ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบช.นายทีฆายุฯ จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 20,020 บาท ต่อมาได้ให้ผู้แจ้งโอนเงินไปอีกผู้แจ้งไม่ได้โอนไป เนื่องจากไม่มีการจ้างงานจริง จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว พงส.ได้รับร้องทุกข์จะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป
.
คดีต่อมา ผู้เสียหายมา สภ.แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ นายทีฆายุ ที่ได้หลอกให้ผู้แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.ให้ผู้แจ้งโอนเงินเพื่อไปตรวจสอบ จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 102,000 บาท ซึ่งผู้แจ้งทราบภายหลังว่าโดนหลอก
.
คดีต่อมา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ขณะ ผู้กล่าวหา/ผู้เสียหาย อยู่บ้านนายทีฆายุ ผู้ต้องหา ได้มีเจตนาทุจริตหลอกลวงลงประกาศโฆษณาปล่อยเงินกู้ในเวปไซด์ https://www.wsza666.com ซึ่งมีลิงค์ติดต่อกับแอพพลิเคชั่นไลน์ชื่อ ฝ่ายบริการ A10025 และไลน์ชื่อ ฝ่ายบริการสินเชื่อ จากนั้นได้ติดต่อกับผู้เสียหาย โดยมีการส่งข้อความสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์แสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงว่าจะปล่อยเงินกู้ให้ในวงเงิน 100,000 บาท แต่ต้องจ่ายเงินค่าปลดล็อกบัญชีธนาคาร จำนวน 13,500 บาท เพื่อถอนเงินกู้จากแอพพลิเคชั่นกระเป๋าตังค์ จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วโอนส่งมอบเงินให้ไป จำนวน 13,500บาท ไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายทีฆายุ ต่อมาได้หลอกลวงให้โอนเงินอีก แต่ผู้เสียหายไหวตัวทัน และภายหลังไม่ได้มีการปล่อยเงินกู้ให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายทีฆายุ และ/หรือกับพวก
(หากมี) ในความผิดฐานฉ้อโกงฯ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
.
และอีกคดี เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 65 ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่านทางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับ นายทีฆายุ (ผู้ต้องหาที่ 1) และนายนุกุล (ผู้ต้องหาที่ 2) จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
.
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การว่า เพื่อนที่เป็นกระเทยได้มาขอให้ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ บอกว่านำไปใช้ปกติ ไม่ได้นำไปหลอกใคร ก็เลยไปเปิดให้ จำไม่ได้ว่าให้เงินค่าเปิดเท่าไร ไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดต่างๆ แต่ก่อนหน้านี้ตนรู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะมีหมายเรียกส่งมา แต่ไม่กล้าไปโรงพัก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังตนเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ การหลอกให้รักแล้วลงทุนต่างๆ การหลอกให้กู้เงิน สุดท้ายต้องเสียค่าดำเนินการต่างๆ การหลอกให้ทำงาน แต่ต้องลงทุนก่อน จ่ายค่าดำเนินการต่างๆ อย่าหลงเชื่อ หากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าที่รัฐ ขู่ว่าไปเกี่ยวข้องการทำผิด ให้โอนเงินตรวจสอบ ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวัง และอย่าเชื่อในสิ่งที่ราคาถูกหรือดีเกินจริง เอาผลประโยชน์มาล่อใจ เพราะสิ่งที่เห็นหรือได้ยินในสื่อสังคมออนไลน์ อาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพในการหลอกลวงแสวงหาประโยชน์จากพี่น้องประชาชน โดยขอให้ยึดหลัก “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง