กาฬสินธุ์-แฉคก.7 ชั่วโคตรทำลายธรรมชาติแม่น้ำพานพังยับ จุดที่ 3 ทิ้งงานก่อสร้างกลายเป็นสุสานเสาเข็ม งาบไปแล้วเกือบ 14 ล้านบาท ชาวบ้านวอน “นายก.อิ๊ง” “หนู มท.1” ต้องลงมาแก้ปัญหาได้แล้วเหตุจังหวัดเกียร์ว่าง
แฉภาพทิ้งงานสุดเศร้า!!ชาวบ้านในตำบลลำพาน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ลุยชี้จุดทิ้งงานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำพาน 7 ชั่วโคตรทิ้งงานทำลายธรรมชาติพังยับเยิน จากที่เคยเป็นหาดสวยงาม กลายสภาพเป็นสุสานเสาเข็ม กองหิน กองดินและเศษซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างประจานความไม่รับผิดชอบขาดธรรมาภิบาลของผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้าง วอน “นายก.อิ๊ง” “เสี่ย หนู มท.1”ต้องลงมาแก้ปัญหาได้แล้วเหตุผู้ว่าฯเกียร์ว่าง เชื่อฤดูฝนปีหน้าพนังแตกทำน้ำท่วมใหญ่แน่
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณด้านหลังสำนักงานเทศบาลตำบลลำพาน หลังตลาดสดปู่ปากพาน และด้านหลังวัดป่าแดนนาบุญ บ้านวังยูง หมู่ 5 ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ด.ต.สมคิด นันทสมบูรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลลำพาน พร้อมด้วยผู้นำชุมชน ชาวบ้าน สำรวจพื้นที่ที่เป็นจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำพาน ความยาว 562 ม. ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ ซึ่งทิ้งงานไปนานหลายเดือน ปัจจุบันกำลังรกเรื้อ เต็มไปด้วยวัชพืช ป่าละเมาะ ร่องรอยความเสียหาย ริมตลิ่งทรุดพัง และเศษซากเสาเข็มที่เสียหาย หลังจากฤดูน้ำหลากผ่านไป
ด.ต.สมคิด นันทสมบูรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลลำพาน กล่าวว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำพานแห่งนี้ เป็น 1 ใน 8 โครงการ “7 ชั่วโคตร” ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่ง หจก.เฮงนำกิจ ได้งาน 6 โครงการ และ หจก.ประชาพัฒน์ ได้งาน 2 โครงการ รวมงบประมาณกว่า 545 ล้านบาท สำหรับจุดก่อสร้างที่ตลิ่งริมลำน้ำพาน เริ่มต้นสัญญา 23 ก.ย.64 สิ้นสุดสัญญา 4 ก.ค.66 งบ 44,490,000 บาท เบิกจ่ายไปแล้ว 13,737,000 บาท แต่งานไม่มีความคืบหน้าเลย ก่อนที่จะทิ้งงานไปเห็นผู้รับเหมาช่วงมาทำงาน 3-4 ราย สุดท้ายก็ขนย้ายเครื่องจักรหนีไปหมด จากการสอบถามคนงานทราบว่าไม่ได้เงินค่าจ้าง จึงทำงานต่อไม่ได้ สิ่งที่ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์คือความเสียหายของสภาพพื้นที่ มีเศษเสาปูนที่แตกหัก กองหิน กองดิน และเสาเข็ม ที่ตั้งโด่เด่อยู่ ส่วนเนื้องานที่ทำไว้บางส่วน เสียหายหมดแล้ว เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากที่ผ่านมา ถูกกระแสน้ำพานกัดเซาะพังทลาย นอกจากนี้บริเวณหลังสำนักงานเทศบาล และหลังตลาดสดปู่ปากพาน รวมทั้งพื้นที่ด้านหลังบ้านของชาวบ้านที่ติดตลิ่งลำพาน ก็เกิดการสไลด์ตัว เพราะทางผู้รับจ้างได้ใช้รถแบ็คโฮปรับพื้นที่ โดยขุดเป็นคันดินสูงชัน พอทำไม่เสร็จและทิ้งงานไป จึงเกิดการแตกร้าว ทรุดพัง บางจุดสไลด์ตัว ได้รับความเสียหายเป็นแนวยาวกว่า 100 เมตรทีเดียว
“เมื่อเกิดเหตุความเสียหายดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมาแก้ไขเยียวอย่างไร ตนและชาวบ้านก็ได้แต่รอคอย ว่าจะมีหน่วยงานไหนเข้ามากอบกู้และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้ดีกว่าเดิมเมื่อไหร่ แต่ก็ยังเงียบหาย สุดท้ายก็คงต้องฝากไปถึง นายกอิ๊งค์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดหาผู้รับจ้างมาทำงานต่อในช่วงน้ำลดนี้ หากทิ้งช่วงไปถึงฤดูน้ำหลากปีหน้า เกิดความเสียหายมากกว่านี้แน่นอน ทั้งนี้ ก็อยากจะขอฝากความหวังไปที่ คณะกรรมาธิการ ปปช. สภาผู้แทนราษฎร ได้ดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม ปัญหานี้อย่างใกล้ชิดด้วย เพราะสร้างความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน อย่างมหาศาล และพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบ เดือดร้อน ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด หากเพิกเฉย ละเลย ต้องมีความผิดตาม ม.157 ไปเลย” ด.ต.สมคิดกล่าวในที่สุด
ด้านนายสนั่น ฉายอำไพ อายุ 56 ปี ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า จุดที่ก่อสร้างโครงการนี้ เดิมเคยมีสภาพเป็นหาดทรายตามธรรมชาติ เม็ดทรายละเอียด พื้นที่กว้างขวาง ทิวทัศน์สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ดูตะวันตกดินยามเย็นริมฝั่งลำพาน เป็นสถานที่จัดงานประเพณีทั้งลอยกระทง สงกรานต์ แข่งเรือ จัดงานบุญประเพณีตามฮีต 12 คอง 14 แต่พอมีโครงการนี้มา โดยใช้เครื่องจักรปรับพื้นที่ ขนก้อนหิน ดิน มากองไว้ บรรทุกเสาเข็มมาวาง แต่ทำงานไม่แล้วเสร็จ จากนั้นทิ้งงานไป จึงเป็นการทำลายธรรมชาติ ให้เกิดความเสียหายยับเยินไปหมดโครงการมาดี ที่จะป้องกันตลิ่งลำพานไม่ให้ถูกกระแสน้ำกัดเซาะ บริเวณหลังวัดป่าแดนนาบุญ หลังสำนักงานเทศบาล และตลาดสดปู่ปากพาน ซึ่งเป็นตลาดสดประจำตำบล รวมทั้งป้องกันปัญหาน้ำท่วม แต่พอการทำงานไม่แล้วเสร็จ เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เห็นแล้วเศร้าใจ มีสภาพไม่ต่างกับสุสานกองดิน กองหิน เสาเข็ม ที่ประจานความไม่รับผิดชอบของผู้รับจ้าง จึงอยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย เพราะเท่าที่เห็นทุกวันนี้เหมือนไม่มีหน่วยงานไหนสนใจ และจริงใจในการแก้ปัญหานี้เลย ทั้งนี้ ทราบว่าเร็วๆนี้ จะมีคณะกรรมาธิการ ปปช. สภาผู้แทนราษฎร มาดูปัญหา ในนามตัวแทนชาวบ้าน และชาวเมืองกาฬสินธุ์ก็ขอฝากความหวังว่า การแก้ปัญหาจะมีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้น ทั้งในส่วนของการจัดหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงานต่อ และในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้รับเหมาทิ้งงานด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่าปัญหา 7 ชั่วโคตร ถึงแม้เครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดกาฬสินธุ์ ธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เครือข่ายภาคประชาชน ปปท.เขต 4 ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ ผู้บริหารท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่น พ่อค้านักธุรกิจ เรียกร้องให้ตรวจสอบและรีบแก้ไขปัญหา พบว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาทำได้เพียงยกเลิกโครงการทั้ง 8 โครงการ จึงต้องการให้ นายก.อิ๊ง และ อนุทิน มท.1 เข้ามาแก้ปัญหาเนื่องจากถึงปัจจุบันทีมข่าวยังไม่พบรายงานข่าวว่า เมื่อยกเลิกโครงการแล้ว กรมโยธาธิการและผังเมือง – กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุอย่างเคร่งครัดหรือไม่อย่างไร การตรวจสอบเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ เช่น การริบเงินประกันสัญญา 5% และเรียกเงินแอดวานซ์ 15% คืนจาก ผู้รับจ้างทั้ง 2 รายนี้ ทั้ง 8 โครงการ มีการติดตามประเมินความเสียหายงานก่อสร้างทั้งหมดก่อนที่จะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เพื่อความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร และอีกปัญหาคือการที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังไม่เคยออกตัวเป็นตัวแทนประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินระหว่าง หจก.ขาใหญ่กับกลุ่มแรงงานเลยอย่างเปิดเผยชัดเจนเลยทั้งที่แรงงานก็เป็นคนกาฬสินธุ์ 2 หจก.ขาใหญ่ก็คนกาฬสินธุ์ จึงทำให้เกิดปัญหาการร้องเรียนไม่หยุดเพราะยังขาดคำอธิบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่คาดว่าตกเป็นผู้เสียหายมีมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ทำให้หลายครอบครัวที่เข้ามาร่วมทำงานสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งที่สามารถจะเข้ามาช่วยเหลือประชาชนได้ แต่กลับไร้การดูแลจากทางจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน