สืบนครบาล รวบ “ฟ้า เขื่อนแก้ว” พร้อมซิมผีบัญชีม้าทั้งขบวนการ หลังปลอมเพจเฟซสวมรอยหลอกให้โอนเงินค่าวัตถุมงคล
สืบนครบาล รวบ “ฟ้า เขื่อนแก้ว” พร้อมซิมผีบัญชีม้าทั้งขบวนการ หลังปลอมเพจเฟซสวมรอยหลอกให้โอนเงินค่าวัตถุมงคล
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายว่าช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตนได้สั่งเช่าบูชาวัตถุมงคลในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ สร้อยข้อมือ ดวงชะตา ราศี ปีชง” และได้มีการโอนเงินค่าสั่งซื้อวัตถุมงคล แล้วต่อมา ได้มีมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กในลักษณะเดียวกันกับเพจเฟซบุ๊กที่ตนตกลงสั่งซื้อวัตถุมงคงจริง สวมรอยทักข้อความมาหลอกให้ตนโอนเงินค่าสินค้าเพิ่มเติมโดยหลอกว่ายังไม่ได้รับเงินโอนเงินค่าสินค้า จนทำให้ตนหลงเชื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตน จำนวน 2 บัญชี เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี Varawutจำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน จำนวน 16,093 บาท เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกว่าสองล้านบาท จึงได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุให้ได้รับโทษถึงที่สุดทุกราย
ต่อมาวันที่ 25 กันยายน 2567 และวันที่ 26 กันยายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธคล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.ฯ , ได้ร่วมกันจับกุมตัว
1) น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า อายุ 23 ปี เลขที่ 94 หมู่ 10 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567
2) นายวราวุฒิ อายุ 18 ปี เลขที่ 398 หมู่ 14 ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.94/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567
โดยผู้ต้องหา 2 รายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณภายใน รีสอร์ทตำบลดองกำเม็ด อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะกำลังกบดานและกำลังจะหลบหนีออกจากสถานที่กบดาน
.
3) น.ส.ศิริศร อายุ 23 ปี เลขที่ 1 หมู่ 5 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.98/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 โดยจับกุมตัวได้ภายในบ้านหมู่ 5 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
4) นายชาลี อายุ 62 ปีเลขที่ 94 หมู่ 10 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.96/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้านหมู่ 10 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
5) น.ส.เจนจิ อายุ 26 ปี เลขที่ 74 หมู่ 6 ตำบลเขื่องคำ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.97/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 โดยจับกุมตัวได้บริเวณหน้าบ้าน ถนนวิทยะธำรงศ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ”
จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สามารถสืบสวนสวนจนทราบถึงตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ มีทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย
(1) นายวราวุฒิ หรือโด๊ปอายุ 18 ปี คนร้ายที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและเชื่อว่าร่วมก่อเหตุในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ (2) น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า อายุ 23 ปี คนร้ายที่เป็นตัวการในการเหตุ
(3) นายชาลี อายุ 62 ปี คนร้ายที่ทำหน้าที่เปิดซิมม้าให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ คนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ โดยมีสถานะเป็นคุณตาของ น.ส.วิราวรรณ์
(4) นางสาวเจนจิรา อายุ 26 ปีและ (5) นางสาวศิริศร อายุ 23 ปี สองคนร้ายซึ่งตามแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นตัวการร่วมในการก่อเหตุจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
โดยจากแผนประทุษกรรมและพฤติการณ์คนร้ายกลุ่มนี้ มีลักษณะก่อเหตุเป็นปกติธุระอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนร้ายกลุ่มนี้ จึงได้ส่งรายงานการสืบสวนให้พนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดบัวใหญ่ พิจารณาออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งหมด
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ศาลจังหวัดบัวใหญ่ ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมด 5 ราย/ 5 หมายจับตามพยานหลักฐาน
ในชั้นจับกุม น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านการเรียน กศน. หลังจากเรียนจบไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง เกี่ยวกับความผิดที่ถูกจับกุม ตนขอสารภาพว่า เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2565 ตนได้รู้จักกับผู้หญิงชื่อผ่านเฟสบุ๊ครับจ้างเปิดบัญชี ขณะนั้นตนได้ติดต่อขายบัญชีธนาคารให้กับผู้หญิงชื่อเมล์ แทบทุกบัญชีธนาคาร โดยหลังจากที่ตนเปิดบัญชีธนาคารเสร็จเรียบร้อย ตนได้ให้ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร , เบอร์โทรศัพท์ที่เปิดและลงทะเบียนใช้งานโดยเลขบัตรประชาชนของตนและใช้ผูกใช้งานกับบัญชีธนาคารที่ตนรับจ้างเปิด พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ ผู้หญิงชื่อเมล์ ไปในคราวเดียวกัน โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 200 ถึง 500 บาท หลังจากรับจ้างเปิดบัญชีประมาณครึ่งปี ตนก็ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการรับจ้างเปิดบัญชีจำนวน 2 คดี โดยถูกจับเมื่อช่วงปลายปี 2566 หลังจากจบคดีได้หันมาก่อเหตุเอง โดยมีผู้หญิงชื่อเมล์ เป็นคนแนะนำ/สอนให้ตนก่อเหตุ โดยตนได้ใช้โทรศัพท์มือถือ iPhone 14 Pro Max และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ SAMSUNG รุ่น Galaxy S23 Ultra เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ โดยทำการปลอมเฟสบุ๊กของเพจขายวัตถุมงคลต่างๆ ประกอบด้วย เพจ “เพจ.โทน บางแค ” , เพจ “ คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ ราศีปีชง ” , เฟสบุ๊ก “ โทน บางแค ” ก่อนจะเข้าไปก่อเหตุหลอกให้ผู้เสียหายที่เข้าไปประมูลวัตถุมงคลในเพจนั้นซึ่งตนปลอมขึ้นให้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้า (ที่ตนจ้างให้คนรับจ้างเปิดบัญชีม้ามาอาศัยอยู่กับตน) โดยมีวิธีการในการก่อเหตุ คือ เมื่อเพจเกี่ยวกับวัตถุมงคลได้มีการโพสต์ประมูลหรือตั้งราคาลงขาย หรือทำการไลฟ์สดประมูลหรือตั้งราคาลงขาย วัตถุมงคล เมื่อมีลูกค้าประมูลได้ หรือสนใจสั่งซื้อ ตนจะทำการสุ่มลูกค้าที่ประมูลได้ หรือสนใจลงราคาสั่งซื้อวัตถุมงคล โดยการทักข้อความส่วนตัวไปหาเฟสบุ๊กของลูกค้าดังกล่าว ผ่าน Facebook Messenger โดยสวมรอยเป็นเพจจริง โดยให้ค่าจ้างแก่นายวราวุฒิ บุคคลที่มาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้ตน ครั้งละ 500 ถึง 1,000 บาท โดยตนให้นายวราวุฒิ มาอยู่กินนอนด้วยกัน เดินทางไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายด้วยกัน
.
ทั้งนี้ แต่ละเคสที่ตนสวมรอยหลอกให้ผู้เสียหายหรือลูกค้าโอนเงิน เมื่อลูกค้าหรือผู้เสียหายโอนเงินให้ตนครบตามจำนวนราคาวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนก็จะทำนิ่งเฉยไม่ตอบข้อความสนทนากับลูกค้าหรือผู้เสียหาย หากมีลูกค้าหรือผู้เสียหายรายใดด่าว่า ตนก็จะทำการบล็อกเฟสบุ๊ก เงินที่ได้จากการก่อเหตุนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
.
จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ระบบ Crime) พบข้อมูลว่า น.ส.วิราวรรณ์ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี จำนวน 5 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2560 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) ” ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว
2) ปี 2565 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ตัวการการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง,ตัวการฉ้อโกง ” ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง
3) ปี 2566 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ตัวการฉ้อโกง,ตัวการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว
4) ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 806/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ
5) ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ” ท้องที่ สภ.แก้งสนามนาง
.
นายวราวุฒิ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ผ่านการเรียน กศน. เดิมทีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เกี่ยวกับความผิดที่ถูกจับกุม ตนขอสารภาพว่าเมื่อช่วงประมาณต้นปี 2567 ได้รู้จักกับ น.ส.วิราวรรณ์ หรือพี่ฟ้า โดย น.ส.วิราวรรณ์ ได้สอบถามตนว่าสนใจเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยแลกกับค่าจ้างตามยอดเงินที่จะเข้ามาในบัญชี หรือไม่ เนื่องจากขณะนั้นตนไม่มีงานทำ ประกอบกับไม่มีเงินใช้จ่าย จึงตอบตกลงเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ ตามคำชวน จำนวน 4 บัญชี ประกอบด้วย (1) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา (2) บัญชีธนาคารกสิกร (3) บัญชีธนาคารกรุงไทย (4) บัญชีธนาคารกรุงเทพ หลังจากที่ตนเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ ตนทราบเป็นอย่างดีว่า น.ส.วิราวรรณ์ นำบัญชีธนาคารที่ตนเปิดไปใช้รองรับเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายรายต่างๆ ที่เข้าไปหลอกในเฟสบุ๊ก โดยหลังจากที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารที่ตนเปิดให้ น.ส.วิราวรรณ์ ใช้แล้ว น.ส.วิราวรรณ์ จะเป็นคนโอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายต่อไปยังบัญชีธนาคารของตนอีกทอดนึง จากนั้น น.ส.วีราวรรณ์ จะพาตนเดินทางไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายออกจากตู้เบิกถอนเงินสด โดยจะเป็นผู้ทำรายการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีของตนเองทุกขั้นตอน อีกทั้ง น.ส.วิราวรรณ์ จะเป็นคนดูแลเรื่องอาหาร ที่พัก และให้ตนเดินทางไปด้วยทุกที่ จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
.
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ ตลอดจนผู้ที่จะถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ซิมผี ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200