พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 สอบสวนพร้อมลงโทษกำลังพล ต่อเหตุการณ์ลงโทษทหารกองประจำการเกินกว่าเหตุ ที่ จังหวัดเชียงราย
พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 สอบสวนพร้อมลงโทษกำลังพล ต่อเหตุการณ์ลงโทษทหารกองประจำการเกินกว่าเหตุ ที่ จังหวัดเชียงราย
วันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 12.00 นาฬิกา ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เหตุการณ์ลงโทษทหารกองประจำการเกินกว่าเหตุ ที่จังหวัดเชียงราย
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อโทรทัศน์ช่อง 3 รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” และเพจเฟสบุ๊ค “สายไหมต้องรอด” เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 กรณีมีผู้แจ้งว่า ทหารกองประจำการในสังกัดมณฑลทหารบกที่ 37 จังหวัดเชียงราย ถูกลงโทษ อย่างไม่เหมาะสมภายในหน่วยนั้น
กองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการเร่งด่วนไปยังหน่วยต้นสังกัดให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ปัจจุบันกองทัพภาคที่ 3 ได้รับรายงานผลการสอบสวนแล้ว ดังนี้ เหตุการณ์ที่ปรากฎภาพทหารถูกลงโทษ เป็นเหตุการณ์เมื่อ 26 กรกฎาคม 2567 โดยนายทหารชั้นประทวน 1 นาย ซึ่งเข้าสิบเวรประจำวันได้กระทำการลงทัณฑ์ทหารกองประจำการ เกินกว่าเหตุพร้อมกับให้มีการถอดเครื่องแต่งกายทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่การลงทัณฑ์ตามแบบธรรมเนียมทหาร
ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทหารกองประจำการดังกล่าวได้รายงานให้ผู้บังคับหน่วยฝึกฯ ทราบแล้วว่าถูกลงทัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบกองทัพบก และในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 จึงได้สั่งการให้นายทหารประทวนดังกล่าว งดเข้าเวรรักษาการณ์ไปก่อน และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
จากการกระทำเหตุการณ์ข้างต้น ถือเป็นการลงโทษกำลังพลเกินกว่าเหตุที่ขัดต่อวินัยทหารอย่างชัดเจน และเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ได้มอบหมายให้กำกับดูแลกำลังพลในหน่วยให้เรียบร้อยด้วยความยุติธรรม ทางหน่วยต้นสังกัดได้พิจารณาลงโทษ กำลังพลนายทหารประทวนดังกล่าว ให้จำขังในเรือนจำทหาร เป็นเวลา 45 วัน พร้อมทำการงดบำเหน็จ สำหรับผู้บังคับหน่วยฝึก กองทัพภาคที่ 3 ได้ออกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อดำเนินการสอบสวนและพิจารณาลงทัณฑ์ต่อไป พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ได้เข้าไปดูแลน้องทหารกองประจำการที่ได้รับผลกระทบ และยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมถึงที่สุด
ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้ให้ความสำคัญและกำกับดูแลหน่วยทหารในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นอกจากจะต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยที่เข้มงวดแล้ว ยังต้องใช้ทักษะในการปกครองบังคับบัญชา และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้เกิดความเรียบร้อย รวมทั้งได้มีสั่งการเน้นย้ำไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นได้อีก
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก