พังงา-!!คืบหน้าจ่อหมายจับคดี!! หนุ่มพังงาหนีตายร้องสายไหมต้องรอด สะเทือนทั้งเกาะ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 67ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณี หนุ่มพังงาหนีตาย เข้ากรุงร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ใช้ m16 ไล่ยิง เหตุแค่เตือนเรื่องการขับรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เป็นร่องรอยกระสุนปืนไม่ทราบขนาด ที่ฝังอยู่ในต้นมะพร้าว ในพื้นที่ บ้านท่าเรือ หมู่ 7 ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตั้งชุดปฏิบัติการทั้งสืบสวน สอบสวน ในพื้นที่ และติดตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ขณะทางพนักงานสอบสวน สภ.เกาะยาว รวบรวมหลักฐานและภาพวงจรปิด เพื่อขอหมายศาลจังหวัดพังงา จับกุม ผู้ก่อเหตุ

ล่าสุด เวลา 17.30 น.วันที่ 5 ส.ค.67 ทาง นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา นายบัญชา ธนูอินทร์ ปลัดจังหวัดพังงา และ พ.ต.อ.บุญจิล นิลบดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจังหวัดพังงา ที่ห้องประชุมโรงแรมเลอ เอราวัญ ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา กรณีนี้ว่า ได้ขอหมายจับจากศาลจังหวัดพังงา ในคดีอาญาที่ 171/2567 และ 172/2567 ลงวันที่ 5 ส.ค.67 โดยมี นายพงศ์ภีระ หรือโอ๋ อายุ 46 ปี ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ และ นายทนงศักดิ์ หรือ แจ๊ค อายุ 36 หมู่ 7 ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา ในข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายฯ ร่วมกันบุกรุกเคหสถานฯโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนฯในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมนุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร

ทาง นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าฯพังงา กล่าวว่า ทางจังหวัดพังงา ได้ให้ทาง นายอำเภอ และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจเกาะยาว เร่งรัดคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ทางจังหวัดพังงา ได้ควบคุมคดีอาชญากรรมได้ดีที่สุดเห็นได้ว่าแทบจะไม่มีคดีอาชญากรรมมาก่อน หรือคดีอาชญากรรมน้อยมาก สำหรับการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เรื่องนี้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดพังงาเข้าตรวจสอบ หากมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอาชญากรรมต่างๆโดยสามารถแจ้ง ผู้ว่าราชการโดยตรงหรือ นายอำเภอ ผู้บังคับการตำรวจ ผู้กำกับการสถานี ฝ่ายปกครอง หรือ เจ้าหน้าที่

ทางด้าน พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตอนนี้ทางศาลจังหวัดพังงาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แล้ว หลังจากนี้ทางชุดสืบสวนเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการปล่อยปละละเลยหน้าที่หรือไม่อย่างไร ยอมรับว่าพื้นที่ของ สภ.เกาะยาว กำลังส่วนใหญ่อยู่ที่ สภ. ซึ่ง ต.พรุในมีกำลังสายตรวจเพียง 2-3 นายเท่านั้น จากนี้จะมีการปรับกำลังพลเพื่อให้บริการประชาชนในการรักษาความสงบให้มากขึ้น เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ปากคำผู้เสียหาย 1 ปาก พยานอีก 3 ปาก ได้ให้ความคุ้มครองแก่ญาติของพยานทั้ง ภรรยา และลูกๆของผู้เสียหาย