“พล.ต.ท.ประจวบ ฯ” กำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจรทั่วประเทศ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนห้วงหยุดยาว ย้ำผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจร ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ
“พล.ต.ท.ประจวบ ฯ” กำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจรทั่วประเทศ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนห้วงหยุดยาว ย้ำผู้ใช้รถใช้ถนนเคารพกฎจราจร ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ
วันนี้ (26 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (หน.คจร.ตร.) ได้สั่งการกำชับให้ตำรวจจราจรทั่วประเทศเตรียมความพร้อม ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจร ในห้วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 27 – 29 กรกฎาคม 2567 ซึ่งคาดว่ามีประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ จำนวนมาก อาจทำให้เกิดการจราจรติดขัด อุบัติเหตุ หรือเหตุด่วนที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้พร้อมดูแลประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.
มาตรการด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดการจราจรบนถนนทางหลวงสายหลัก และให้พิจารณาเปิดช่องทางเดินพิเศษ (Reversible Lane) ในเส้นทางที่มีความจำเป็น , ให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรสำหรับถนนสายรอง ในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น โดยต้องปรากฏกายให้เด่นชัด รวมถึงการจัดระเบียบการจอดรถ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางศาสนา และสถานที่ท่องเที่ยว , ให้ทุกหน่วยสำรวจและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงเครื่องหมายป้ายจราจร ไฟฟ้าส่องสว่างให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ กรณีที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซมผิวถนน ให้ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการคืนพื้นผิวการจราจรให้มากที่สุด และให้จัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงเส้นทางที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น แสดงป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยง ป้ายเตือนจุดเสี่ยงอุบัติเหตุให้ประชาชนเห็นชัดเจน และให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงสำหรับการเดินทางในถนนทางหลวงสายหลัก รวมทั้งให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมด้านวัสดุอุปกรณ์ในการอำนวยการจราจรและการป้องกันอุบัติเหตุ เช่น รถยกหรืออุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายรถกรณีที่มีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ทั้งของราชการและเอกชน เพื่อให้พ้นการกีดขวางการจราจรได้ทันที
สำหรับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำชับให้ทุกสถานีตำรวจเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยพิจารณาตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจร ให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และตรวจการมีสารเสพติดในร่างกายผู้ขับขี่ทุกราย ดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา และต้องตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามมาตรการเมาแล้วขับซ้ำสอง หากพบว่าผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะต้องสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ขายสุรา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 และกรณีผู้ขับรถในขณะเมาสุรามีอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือบุคคลที่จำหน่ายหรือให้สุราแก่เด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 มาตรา 26 โดยให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีไปในคราวเดียวกันกับความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กำชับกองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาร่วมพิธีต่าง ๆ ในงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในกรุงเทพมหานครด้วย
ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คจร.ตร. กล่าวว่า คจร.ตร.ได้กำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศ ดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในห้วงวันหยุดยาว วันที่ 27 – 29 กรกฎาคมนี้ อย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ เตรียมความพร้อมทั้งยานพาหนะ สภาพร่างกาย ก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทาง เดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนหากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถสอบถาม แจ้งขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุขัดข้องด้านการจราจร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่
• โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ
• โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
• โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ
• โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ