“สรรเพชญ” กระทุ้งรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา “อควาเรียมหอยสังข์” และปัญหาประมง ที่ สส. นำเสนอ ซัด 1 ปีไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา เสมือนรัฐบาลไม่ใส่ใจกับปัญหาของประชาชน
“สรรเพชญ” กระทุ้งรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา “อควาเรียมหอยสังข์” และปัญหาประมง ที่ สส. นำเสนอ ซัด 1 ปีไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา เสมือนรัฐบาลไม่ใส่ใจกับปัญหาของประชาชน
วันนี้ 25 กรกฎาคม 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งสารไปยังนายกรัฐมนตรีให้เร่งติดตาม แก้ไขปัญหาที่ตนได้เคยอภิปรายไว้ในสภาผู้แทนราษฎร หลังผ่านมากว่า 1 ปีเต็มแล้วไม่มีความคืบหน้า ใน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาเพาะพันธุ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรืออควาเรียมหอยสังข์ ซึ่งเป็นปฏิมากรรมที่แสดงถึงความฉ้อฉลทุจริตการก่อสร้างโครงการของรัฐ ที่มีความล่าช้ากว่า 15 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 โดยใช้งบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท และโครงการยังไม่แล้วเสร็จ และอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องปัญหาของชาวประมงที่กำลังรอคอยคำตอบจากรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องของการรับซื้อเรือคืนจากชาวประมง ซึ่งใช้งบประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากชาวประมงได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐทำให้ชาวประมงไม่สามารถประกอบอาชีพและต้องประสบปัญหาทางการเงินในครอบครัว กู้เงินนอกระบบ ขายที่ดินทรัพย์สินที่มีเพื่อส่งเสียให้บุตรหลานได้เรียนหนังสือต่อ อีกทั้งเรือที่เป็นอุปกรณ์ทำมาหากินก็เอาออกทะเลไปประกอบอาชีพไม่ได้ ซ้ำร้ายปัจจุบันก็กำลังจะประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่จะทำลายระบบนิเวศและสัตว์พื้นถิ่นซ้ำเติมปัญหาของชาวประมงอีก นอกจากนี้นายสรรเพชญได้ขอให้นายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงและอุตสาหกรรมการประมงให้เร่งประชุมคณะกรรมการเพื่อหาทางออกและมีมติในการช่วยเหลือชาวประมงโดยเร่งด่วนที่สุด
นายสรรเพชญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้ง 2 เรื่องนี้ตนได้เคยหารือในสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ซึ่งบัดนี้ผ่านมา 1 ปีเต็มที่ตนได้เคยหารือตนได้ใช้ทุกกลไกของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทั้งการหารือ การตั้งกระทู้ถาม การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลในกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ การยื่นหนังสือเพื่อติดตามความคืบหน้าถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันผ่านมา 1 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ตนเกรงว่าหากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้จะส่งผลเสียต่อฝ่ายนิติบัญญัติเพราะหากผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้แล้วประชาชนจะพึ่งใครได้ การที่รัฐบาลละเลยปัญหาที่เป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนผ่านผู้แทนราษฎรและหารือในสภานั้นอาจแสดงถึงความไม่จริงใจ ไม่ใส่ใจของรัฐบาลในการทำงาน เสมือนเป็นการละเลยเสียงสะท้อนจากประชาชน อีกทั้งยังมีอีกหลาย ๆ ปัญหาที่รัฐบาลทำตัวดินพอกหางหมูไม่เร่งแก้ไขให้แล้วเสร็จ ถนัดทำแต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายแล้วประชาชนก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นายสรรเพชญกล่าว
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา