สืบนครบาลรวบพ่อเลี้ยงล่วงละเมิด 6 ปี แอบส่งซิกให้หมอช่วย สุดช้ำฟ้องแม่ไม่เคยเชื่อ
สืบนครบาลรวบพ่อเลี้ยงล่วงละเมิด 6 ปี แอบส่งซิกให้หมอช่วย สุดช้ำฟ้องแม่ไม่เคยเชื่อ
ไข้เลือดออกพาพ้นนรก” เด็กหญิงที่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนมาอย่างยาวนาน 6 ปี แม้ว่าเธอพยายามจะบอกแม่แท้ๆของเธอแล้ว แต่แม่กลับไม่เชื่อ จนเธอล้มป่วยแล้วจึงแอบบอกหมอถึงเรื่องราวทั้งหมด นำมาสู่การช่วยเหลือน้องได้ในที่สุด ซึ่งหลังเรื่องได้แดงขึ้น พ่อเลี้ยงหื่นรายนี้ได้ถูกออกหมายจับ แต่ระหว่างการจับกุม “แม่แท้ๆ” ของเด็กสาวกลับช่วยสับขาหลอกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พ่อเลี้ยงหื่นนี้รอดพ้นการจับกุม
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับจับกุมตัว
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายอำนวย อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.4 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.417/2567 ลงวันที่ 17 พ.ค. 67
ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเด็กนั้นอยู่ในความดูแล หรืออยู่ในความปกครอง หรืออยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่น”
จับกุมตัวได้ที่ หน้าอพาร์ทเม้นต้นอ้อ ซ.เพชรเกษม 84 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “ไข้เลือดออกพาพ้นนรก” เรื่องราวแสนเศร้าของเด็กสาววัย 12 ปี ที่ “ตกเป็นทาสกาม” ถูกพ่อเลี้ยงล่วงละเมิดมานานกว่า 6 ปี ตั้งแต่เธออายุ 6 ปี ถึง 12 ปี แล้วล่าสุดก็สามารถรอดพ้นจากขุมนรกมาได้ราวปาฎิหาริย์ เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายเธอเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังเรื่องราวนี้เกิดขึ้นตั้ง เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2560 ในขณะนั้นเธออายุเพียง 6 ปี และได้พักอาศัยอยู่กับแม่แท้ๆและพ่อเลี้ยง ที่ จ.ตาก โดยพ่อเลี้ยงได้เริ่มล่วงเกินน้องโดยอาศัยจังหวะที่แม่ไม่อยู่บ้าน โดยทำเช่นนี้เป็นประจำ โดยพ่อเลี้ยงใจทรามนี้จะข่มขู่ว่าหากนำความไปบอกใครจะฆ่าแม่ทิ้งเสีย ทำให้เธอถูกย่ำยีเรื่อยมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งเธอย้ายเข้ามาอยู่ที่ จ.กรุงเทพฯ เธอก็ยังถูกกระทำเช่นนี้ซ้ำๆเช่นเดิม ซึ่งหลายๆครั้งเธอพยายามที่จะบอกให้แม่ทราบ แต่ก็ต้องเสียใจยิ่งกว่าเดิมเพราะแม่เธอไม่เชื่อเธอเลย กลับเข้าข้างพ่อเลี้ยงมากกว่า จนกระทั่งช่วงเดือน พ.ค. 66 หลังจากเธอถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนเธออย่างหนักจนเธอป่วยร่างกายอ่อนแอ และเป็นไข้เลือดออก แล้วเข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล เธอได้พบกับหมอที่ใจดีและรับฟังอาการป่วยของเธออย่างตั้งใจ เธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอถูกกระทำให้กับหมอทราบ หลังได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด หมอผู้น่ายกย่องรายนี้ดำเนินการประสานงานนักสังคมสงเคราะห์ทันที ก่อนตรวจร่างกายเธออย่างละเอียดแล้วพบว่า อวัยวะเพศของเธอฉีกขาด ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาจริงๆ หมอเห็นว่าหากส่งเธอกลับไปอยู่กับครอบครัวเธอ ก็เหมือนต้องส่งเธอกลับไปอยู่ในนรกบนดิน จึงได้แจ้งให้เจ้าพนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กมารับตัวไปพักอาศัยที่บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร และหลังจากนั้นเมื่อพี่ชายของเธอทราบเรื่องราว จึงพาเธอเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.หลักสอง ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับพ่อเลี้ยงใจทราบรายนี้ในที่ หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี แต่แล้วก็ตกหลุมพราง “แม่แท้ๆ” ของเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย ที่สับขาหลอกเจ้าหน้าที่ให้ไขว้เขว อ้างไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบ “มันหนีไปแล้ว”
เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบสารวัตรแจ๊ะ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น.ติดตามจับกุมตัว โดยท้ายสุดสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังอยู่กับ “แม่แท้ๆ” ของเด็กสาวผู้เคราะห์ร้าย โดยขณะจับกุม ชุดสืบสวนได้สอบถามแม่ของเด็กสาวว่า “เหตุใดต้องสับขาหลอกช่วยเหลือคนร้าย ไม่สงสารบุตรสาวตัวเองหรือ?” ได้รับคำตอบว่า “ลูกสาวพูดไม่รู้เรื่อง”
ในชั้นจับกุม นายอำนวยฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองได้พบกับผู้เสียหายครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอ 3 ขวบ เพราะเริ่มคบกับแม่ของเด็กผู้เสียหาย ยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำอะไร เด็กผู้เสียหายนั้นพูดไม่รู้เรื่อง เป็นโรคออทิสติก ครูโทรมาฟ้องบ่อยๆว่าไม่ตั้งใจเรียน เชื่อว่าเรื่องนี้เด็กเป็นคนกุเรื่องใส่ร้ายตนเอง”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และจากการฟังเรื่องราวจากเด็กสาวผู้เสียหายแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่เด็กสาววัยเพียง 12 ปี จะต้องโกหกปรักปรำคนในครอบครัวเดียวกัน หากเธอไม่ถูกกระทำจริง แล้วคดีนี้พยานหลักฐานชั้นพนักงานสอบสวนก็เพียงพอ ให้ศาลอนุมัติการออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ จากพฤติการณ์ในคดีนี้นับว่า น่าหดหู่ใจอย่างยิ่ง สถาบัน “ครอบครัว” ที่น่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของเด็กๆ กลับกลายเป็น “นรกบนดิน” ที่สร้างสมฟูมฟักบาดแผลหยั่งลึกลงในใจของเด็กน้อยไปนานแสนนาน ผมขออวยพรให้น้องผู้เสียหายมีกำลังใจที่เข้มแข็งผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายในอดีต และเติบโตอย่างมีความสุขในวันข้างหน้า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”