สืบนครบาลรวบกลางถนน แดนหัวใจระเบิด ลวงเด็กย่ำยี-ถ่ายคลิป-บังคับเสพกัญชา แถมลั่น “ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้”
สืบนครบาลรวบกลางถนน แดนหัวใจระเบิด ลวงเด็กย่ำยี-ถ่ายคลิป-บังคับเสพกัญชา แถมลั่น “ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้”
“บ้านกูใหญ่….ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้” แดนหัวใจระเบิดเดนนรกส่งข้อความท้าทายเชิงข่มขู่ให้กับหญิงสาววัย 17 ปี หลังหญิงสาวเข้าแจ้งความว่าถูกแดนหัวใจระเบิดนำภาพคลิปลับไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลเธอนอนร้องไห้ทุกคืนทั้งกลัวทั้งอับอาย เนื่องจากมันส่งข้อความขู่ว่า “อากูเป็นตำรวจ พี่กูเป็นทหาร กฏหมายแค่เสียตังค์“ ล่าสุดเรื่องถึงหูผู้การจ๋อเลยจัดให้แบบเต็มเหนี่ยว ส่งชุดดรีมทีมสืบนครบาลเข้าชาร์จรวบกลางถนนจรัญ 85 และเมื่อไปค้นบ้านพักก็ไปพบเด็กสาวอายุ 14 ปีอีกรายหนึ่ง ถูกล่อลวงมากระทำชำเรา , ถ่ายคลิปลับและยังบังคับให้เสพกัญชา โดยให้อยู่ในบ้านเหมือนธาตุเรือนเบี้ย Miss Call จากผู้ปกครองเหยื่อแดงเถือกกว่าร้อยสายในโทรศัพท์ของเด็กสาววัย 14 ปี ทำญาติคิดว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว ล่าสุดคอตกเข้าคุกสารภาพแบบหมาหงอยว่าทำไปเพราะความคึกคะนอง
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริตสร้างความหวาดกลัว
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวบก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายอัฐษฎา หรือแดนหัวใจอายุ 19 ปี ภูมิลำเนา แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.352/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567
โดยกล่วหาว่า “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้”
จับกุมได้ที่ ภายใน ซ.จริญสนิทวงศ์ 85 แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “กฎหมายก็แค่เสียตัง….บ้านกูใหญ่….ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้” แชทสนทนาของนายแดนหัวใจระเบิดที่ส่งมาข่มขู่เด็กสาววัย 17 ปี หลังจากที่มันได้เผยแพร่คลิปลับของเธอในโลกโซเชียล ก่อนจะข่มขู่เธอหวังจะให้เธอกลับไปมีสัมพันธ์สวาทกับมันอีกครั้ง แต่เธอไม่ยอมแล้วก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับมัน ทำให้มันตามราวีเธอจนตกอยู่ในความเครียด เธอยอมรับว่าต้องนอนร้องไห้ทุกคืน และไม่มีจิตใจที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ปี 2567 จนล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ได้ออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้วคือ นายอัฐษฎา หรือ “แดนหัวใจระเบิด” อายุ 18 ปี เธอได้ขอความช่วยเหลือมาที่เพจสืบนครบาลให้ช่วยติดตามจับกุมเพราะเจ้าตัวหนีสุดชีวิต ซึ่งเมื่อ พล.ต.ต.ธีรเดชธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ทราบเรื่องและนำแฟ้มคดีมาตรวจสอบวิเคราะห์พฤติกรรมความเลวของคนร้ายรายนี้ เชื่อว่าไม่น่าได้ก่อเหตุมาเพียงครั้งเดียวอาจจะมีเหยื่อรายอื่นๆอีก จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะออกไล่ล่า กว่า 18 ชั่วโมงของการลาดตระเวนชุดสืบสวนก็พบเบาะแสว่าคนร้ายจะไปเสพกัญชากับพลพรรคสายเขียวย่านจรัญสนิทวงศ์ ชุดสืบสวนวางกำลังในพื้นที่จนพบตัวคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากซอย “คนนี้แหละค่ะ” เสียงจากผู้เสียหายยืนยันว่าคือคนร้าย การไล่ล่าบนท้องถนนจึงเกิดขึ้น ชุดสืบสวนขับขี่ไล่ล่าไปถึงบริเวณ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 85 แล้วเกิดไหวตัวทัน หักหัวกลับรถกะทันหันเพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ สารวัตรแจ๊ะ สั่งชุดสืบสวนปาดหน้าและเข้าชาร์จจับกุมตัวกลางถนนทันที โดยหลังจับกุมตัวตามหมายจับ “เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์นำพา” เพราะคนร้ายได้นำพาชุดสืบสวนไปตรวจค้นบ้านพักทำให้ชุดสืบสวนได้พบกับเด็กสาววัย 14 ปี ที่ถูกคนร้ายล่อลวงมา ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่า Miss Call ในโทรศัพท์ของเด็กสาววัย 14 ปี มีญาติของเธอพยายามติดต่อกับเธอเกือบ 100 สาย โดยความไร้เดียงสาของเด็กสาวยังพยายามที่จะปกป้องคนร้ายโดยอ้างว่าความผิดทุกอย่างอยู่ที่เธอ ชุดสืบสวนรีบติดต่อไปยังผู้ปกครองของเด็กสาวทำให้ทราบว่า เด็กสาวรายนี้เธอหลบหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่วันสงกรานต์ปี 67 ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนขุดคุ้ยไปอีกก็พบว่าคนร้ายได้ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวไว้จำนวนมาก และยังมีการแชทสนทนาเพื่อขายคลิปลับเหล่านี้อีกด้วย หลังการตรวจค้นจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ได้ขยายผลการจับกุมจนทราบว่าตลอดเวลาที่คนร้ายล่อล่วงเด็กสาวรายนี้มานั้น ได้ลงมือกระทำชำเรา , ถ่ายคลิปวีดิโอ และยังบังคับให้เสพกัญชา เดชะบุญที่ชุดสืบสวนได้ส่งตัวเด็กสาววัย 14 ปี รายนี้กลับคืนสู่อ้อมกอดผู้ปกครองอย่างปลอดภัยแล้ว นำตัวผู้ต้องหาส่งสน. บางขุนเทียนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในชั้นจับกุม นายอัฐษฎาให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เรื่องที่เป็นคดีเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตอนนั้นตนได้คบกับผู้เสียหายในคดีนี้ อายุ 17 ปี คบหากันได้ประมาณ 9 เดือน ก็ไปมาหาสู่รักกันปกติ จนประมาณเดือนมกราคม 2567 ตนเกิดนอกใจผู้เสียหาย ไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนถูกผู้เสียหายจับได้ ผู้เสียหายจึงขอเลิกกับตน แต่ด้วยความรักที่ตนมีให้ผู้เสียหายทำให้ไม่อยากเลิกคบกัน จึงขู่กับผู้เสียหายว่า ถ้าเลิกกันจะโพสรูปโป๊ คลิปโป๊ของผู้เสียหายให้คนอื่นเห็น โดยใช้คำพูดว่า “ถ้ามึงไม่กลับมา กูจะเอารูปโป๊และคลิปโป๊ของมึงไปโพสในทวิตเตอร์ และในเฟซบุ๊ก” แต่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมาคืนดีด้วย ทำให้ตนโกรธมากที่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมา จึงเอารูปโป๊ของผู้เสียหายไปโพสลงในคอมเมนท์เฟซบุ๊กของผู้เสียหาย ให้คนอื่นเห็น เพื่อให้ผู้เสียหายอับอายและยอมกลับมาคืนดีกับตน แต่เมื่อโพสไปแล้วผู้เสียหายได้พาผู้ปกครองเข้าแจ้งความที่สน.บางขุนเทียน แต่ตนก็โต้ตอบไปแชทผู้เสียหายว่า “กูไม่กลัว ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้หรอก อากูเป็นตำรวจ พี่กูก็เป็นทหาร อย่างมากก็แค่เสียเงิน กูไม่อยากให้เงินผู้หญิงที่เคยโดยข่มขืนแบบมึง” จากนั้นผู้เสียหายจึงดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตนก็ยังไปเยาะเย้ยผู้เสียหายอีกว่า “ตำรวจจับกูไม่ได้หรอก กูไม่อยู่บ้านยังไงตำรวจก็หากูไม่เจอ” ตอนนั้นตนยอมรับว่าทำไปพูดไปเพราะความโกรธและความคึกคะนอง ไม่มีญาติเป็นตำรวจหรือทหารแต่อย่างใด ในชั้นจับกุม ตนยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดตนทำผิดจริง เกิดความสำนึกผิด จึงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาส่วนเด็กสาวที่เจ้าหน้าที่พบที่บ้านพักนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนใหม่ของตน เพิ่งเจอกันเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา จากนั้นได้คบหากันเป็นแฟนกันโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองของแฟนตนไม่ทราบ โดยให้แฟนใหม่ของตนโกหกที่บ้านว่า ปิดเทอมขอไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนผู้หญิง จากนั้นจึงมาอยู่กินกับตนเรื่อยมาตั้งแต่หลังสงกรานต์ โดยไม่ให้แฟนใหม่ของตนรับโทรศัพท์จากผู้ปกครอง เพราะไม่อยากให้ทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อมาเจอแฟนใหม่รู้สึกดีกว่าแฟนเก่า(ผู้เสียหายในคดี)เยอะ ทำให้ลืมแฟนเก่า(ผู้เสียหายในคดี) โดยตนยืนยันว่าขอไม่ไปขอคืนดีกับแฟนเก่า(ผู้เสียหายในคดี)อีก เคยทำ 3 คดี คือ 1.ปลายเดือน มี.ค. 67 ได้ก่อเหตุใช้มีดแทงวัยรุ่นที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า , 2.ต้นเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุขโมยยาบำรุงเซ็กซ์ใน 7-11 สาขาซอยพระราม 2 ซอย 20 และ 3.กลางเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุรุมทำร้านนายตู้ฯ ที่เอกชัยซอย 8 ส่วนที่ตนเองมีฉายาว่าแดนหัวใจระเบิดเพราะว่าสักลายรูปหัวใจระเบิดบริเวนหน้าอก แต่ยังสักไม่เสร็จเพราะช่างเกมที่สักให้ถูกสืบนครบาลจับไปเมื่อวันก่อนที่ จ.ภูเก็ต”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “พฤติกรรมของคนร้ายถือว่าไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ท้าทายอวดอ้าง ถือเป็นภัยต่อเด็กและเยาวชนอย่างยิ่ง ตัวเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการกระทำเช่นนี้นั้นสร้างบาดแผลในจิตใจเด็กเพียงใด การแบล็กเมลล์เปิดคลิปลับของเด็กสาวลักษณะนี้มันแทบจะทำให้เหยื่อสาวตายทั้งเป็นได้เลย ยิ่งกว่านั้นชุดจับกุมยังไปพบว่าปัจจุบันยังอยู่กินอาศัยกับเด็กสาววัยเพียง 14 ขวบ ซึ่งไร้เดียงสามาก ถูกล่อลวงจนกระทั่งแม้แต่ตอนจับกุมเค้ายังพูดปกป้องตัวคนร้ายเด็กไม่ว่าอย่างไรก็คือเด็ก ความไม่เข้าใจในเรื่องของความรัก มันจึงต้องมีกฏหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มครองให้กับเด็กเหล่านี้ เพื่อมิให้เหล่าชายโฉดใช้ความไร้เดียงสาของเด็กมาสนองตัณหาของตัวเอง และทำลายอนาคตของเด็ก จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”