(สุรินทร์)กองทัพภาคที่ 2 โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี จัดพิธีสักการะอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทย พร้อมทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ “ วีรชนผู้กล้าปี 54”

วันที่ 22 เมษายน 2567 พลเอก ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมเป็นประธานในพิธีสักการะอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทย พร้อมทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ “วีรชนผู้กล้าปี 54” โดยมี พันเอกจิรัฐ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอก ภาคภูมิ นภากาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 นายอำเภอพนมดงรัก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบักได องค์การทหารผ่านศึก เขตสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ซึ่งประวัติอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทยนั้น เกิดจากเหตุการณ์การรบปะทะ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ในห้วงวันที่ 22 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม พ.ศ.2554 เป็นเหตุให้ฝ่ายไทยสูญเสียกำลังพล จำนวน 8 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 98 นาย

จากนั้น พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบทุน การศึกษา ให้กับทายาท ผู้ที่เสียชีวิตในการสู้รบ และจากการเสียสละชีวิตในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย จนวาระสุดท้ายนับได้ว่า เป็นวีรกรรมที่ควรค่าแก่การยกย่อง และจดจำยิ่ง ต่อมา กองกำลังสุรนารี ได้พัฒนาพื้นที่ การสู้รบในอดีต ให้เป็นแหล่งศึกษาทางประวัติศาสตร์ และเพื่อเชิดชูเกียรติ อดีตทหารหาญที่ได้เสียสละชีพ ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และก่อสร้างอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทยขึ้น ณ ทางขึ้นปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยใช้งบประมาณก่อสร้าง 760,000 บาท

โดยได้รับความร่วมมือร่วมใจ จากผู้บังคับหน่วยในพื้นที่กองกำลังสุรนารี พี่ๆน้องๆ ที่ได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ในห้วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งญาติของกำลังพลที่เสียชีวิต ซึ่งอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1ฐานอนุสาวรีย์ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 16 เมตร บริเวณกึ่งกลาง มีแท่นฐานขนาด กว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร สูง 2 เมตร 5 เซนติเมตร สำหรับรองรับรูปปั้นทหาร ส่วนที่ 2 เป็นรูปปั้นทหารยืนถือปืน ในลักษณะท่าพร้อมใช้อาวุธ สะพายเครื่องหลัง หล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ขนาดเท่าคนจริง ซึ่งได้กระทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2564

ปุรุศักดิ์ แสนกล้า ข่าว/ภาพ