“รวบหัวหน้าวิน ผันตัวเป็นเอเย่นต์บัญชีม้า ส่งขาย Call Center หลอกคนไทย”
“รวบหัวหน้าวิน ผันตัวเป็นเอเย่นต์บัญชีม้า ส่งขาย Call Center หลอกคนไทย”
ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ย่านนนทบุรี ริรวยทางลัดผันตัวเป็นเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้า ชักชวนลูกวินเปิดบัญชี สุดท้ายแก๊ง Call Center นำบัญชีไปหลอกลวงเทรดหุ้น Hotbit Internationalผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 24 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจากการถูกแก๊ง Call Center เข้ามาตีสนิทและชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้น อ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง โดยหลอกลวงให้ทำการติดตั้งแอปพลิเคชั่น “Hotbit International” พร้อมทั้งโอนเงินเข้าร่วมลงทุน ซึ่งปรากฎว่ามีผู้หลงเชื่อและสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยภายหลังการจับกุม พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้เร่งขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาบางส่วนรับว่า มีอาชีพขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เปิดบัญชีธนาคารขายให้กับหัวหน้าวิน ชื่อนายโจ้ (นามสมมติ) ซึ่งมาชักชวนให้ลูกวินเปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้
ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.ฯ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.สส.ฯ ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.สส.ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายโจ้ (นามสมมติ) ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่ บริเวณหน้าห้องพักของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ใน ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี จากการสอบสวนนายโจ้ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยเป็นหัวหน้าวิน ได้รับการติดต่อให้หาคนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีม้า เพื่อใช้โอนเงินในบ่อนการพนันให้นักพนัน โดยให้ค่าเปิดบัญชีในราคาบัญชีละ 1,500 บาท หากหาบัญชีม้าได้มากเท่าไรก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นตามลำดับ จึงไปชักชวนลูกวินให้พากันมาเปิดบัญชี ซึ่งสามารถหาคนเปิดบัญชีได้จำนวน 4 บัญชี นายโจ้ได้รับเงินค่านายหน้าจัดหาบัญชีมาทั้งหมด 5,000 บาท ส่วนบัญชีม้าที่ขายไปนั้น จะถูกนำไปขายให้กับบ่อนพนันจริงหรือไม่นั้นไม่ทราบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าวว่า เบื้องต้นขณะนี้พบว่าบัญชีที่ถูกขายไปนั้น ได้ถูกแก๊ง Call Center นำไปหลอกลวงประชาชน โดยมีผู้เสียหายทั่วประเทศแล้วกว่า 24 ราย สร้างความเสียหายรวมกว่า 6,200,000 บาท และขณะนี้กำลังขยายผล เพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลัง และจะทำการตรวจสอบด้วยว่ามีบ่อนการพนันตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่
“ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า การขายบัญชีม้า หรือซิมม้า เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอกนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้วแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ฯ กล่าว