25/11/2024

กาฬสินธุ์-ชี้เลิกสัญญาขาใหญ่ต้องโชว์หลักฐาน

ธรรมาภิบาล-ภาคประชาสังคม ในจังหวัดกาฬสินธุ์ จี้กรมโยธาฯ โชว์หลักฐานคำสั่งยกเลิกสัญญา แฉมีอีกโครงการ 108 ล้าน ทิ้งงานเดือดร้อนลักษณะเดียวกัน ควรประกาศให้เห็นเป็นทางการ “อย่าพูดลอยๆ” ให้สังคมสงสัยและรอคอยความชัดเจนหลังสงกรานต์

 

ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) ส่งเสียงสะท้อนจากชาวบ้านถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง หลังทราบว่าจะยกเลิกสัญญาโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำป้องกันปัญหาน้ำท่วมเมืองฯ งบ 148 ล้านบาท แต่เกิดข้อสงสัยวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วเมือง อยากเห็นความชัดเจนในการออกคำสั่งทางปกครอง เพราะขาใหญ่มีสิทธิอุทธรณ์ การประกาศยกเลิกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ หวั่นยกเลิก ตาม ว.1459 จะเอื้อประโยชน์ขาใหญ่ไม่ต้องจ่ายค่าปรับอย่า “พูดลอยๆ” พอเป็น “ข่าวลือ” เท่านั้น นอกจากนี้ยังอยากให้ออกคำสั่งยกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ งบประมาณกว่า 108 ล้านบาทด้วย เพราะเป็นผู้รับเหมารายเดียวกันและสิ้นสุดสัญญาตั้งแต่ปี 64

จากกรณีประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) พร้อมด้วยอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จ.กาฬสินธุ์ ติดตามความคืบหน้าแนวทางแก้ปัญหาโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมืองงบประมาณ 148 ล้านบาท และอีก 9 โครงการงบประมาณรวมกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่โยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ เผยผลการประชุมคอนเฟอร์เร้นซ์กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของกรมโยธาธิการฯ สรุปเบื้องต้นยกเลิกสัญญา 1 โครงการ คือโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ งบ 148 ล้านบาท ขณะที่ชาวบ้านดีใจที่จะได้ผู้รับเหมารายใหม่มาทำงานต่อให้แล้วเสร็จ และร่วมพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ให้เจริญก้าวหน้าตามเป้าหมายของกรมโยธาฯ

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4. จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ ( 4 เม.ย.) ตนและอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จ.กาฬสินธุ์ ได้ไปติดตามการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบท่อประปาฯ งบ 148 ล้านของกรมโยธาฯ กับโยธาธิการ จ.กาฬสินธุ์แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อน และเกิดความเสียหายต่อชาวบ้าน ผู้ประกอบการและทำเศรษฐกิจพังเสียหายมายาวนานถึง 5 ปี มีการร้องเรียนบ่อยครั้ง และคณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์พร้อมเครือข่าย ก็ได้ลงพื้นที่สอดส่องติดตามมาโดยตลอด กระทั่งทราบจากโยธาฯจังหวัดว่า เบื้องต้นทางกรมโยธาฯ กระทรวงมหาดไทย จะได้ยกเลิกสัญญา 1 โครงการ คือโครงการวางระบบท่อประปาป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ งบ 148 ล้านบาท โดยให้เหตุผลเพื่อให้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาทำงาน โดยจะทำการสำรวจออกแบบใหม่ และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้รับจ้างรายเดิมที่ไม่ทำตามแผนที่วางไว้

นายชาญยุทธกล่าวอีกว่า หลังจากทราบความคืบหน้าในส่วนของการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างฯ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างระบบท่อป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ งบ 148 ล้าน โดยทางกรมโยธาฯจะได้ยกเลิก 1 โครงการคือโครงการก่อสร้างระบบท่อป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ 148 ล้านบาทดังกล่าว ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างรู้สึกดีใจ ที่จะได้ผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงานต่อให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังทราบว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ ซึ่งเกินกำหนดสัญญาและได้รับการขยายสัญญาเช่นกัน โดยมีข้อมูลว่าโครงการฯ มีความยาว 1,141 เมตร งบประมาณกว่า 108 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญา 12 ก.ย.62 สิ้นสุดสัญญา 30 ก.ย. 64 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 67 ผลงาน 79% ช้ากว่าแผน -21% เบิกจ่าย 50,377,600 บาท ซึ่งหลังจากขยายสัญญาเป็นครั้งที่ 2 พบว่าเกินมาประมาณ 3 เดือนก็ยังไม่แล้วเสร็จ และผู้รับเหมาขนย้ายเครื่องจักรหายไปนานหลายเดือน ชาวบ้านก็เกิดความสงสัย อยากได้คำตอบจากกรมโยธาฯอีกว่า จะยกเลิกสัญญาโครงการนี้ด้วยหรือไม่ ในเมื่อเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน

“กรณีการยกเลิกสัญญากับผู้รับเหมา 1 โครงการ คือโครงการ 148 ล้านดังกล่าว ทราบจากโยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ว่า ยังไม่มีประกาศเป็นทางการออกมาจากกรมโยธาฯ และผู้รับเหมาที่ถูกบอกเลิกสัญญาเป็นรายเดียวกับที่ได้งานโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำอีกด้วย จึงเป็นประเด็นให้ชาวบ้านชาวเมืองกาฬสินธุ์สงสัย และต้องการทราบคำตอบที่แน่ชัด ว่ากรมโยธาฯ จะแสดงความชัดเจนให้สาธารณชนรับทราบเมื่อไหร่ โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกตาม ว.1459 ซึ่งเป็นช่วงโควิดนั้น ทราบว่าเป็นมาตรการเกี่ยวกับโควิดในปี 65 ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้รับจ้าง ทำให้ค่าปรับเป็น 0 ถึงวันนี้ปี 67 แล้ว จะมีการปรับอะไรหรือไม่” นายชาญยุทธกล่าว

นายชาญยุทธกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ชาวบ้านยังอยากทราบว่ามีมติยกเลิกสัญญาเป็นแบบไหน เนื้อหาสาระว่าเป็นการยกเลิกหรือแก้ไขสัญญากันแน่ เพราะเท่าที่ทราบ ว.1459 นั้น เป็นการช่วยเหลือผู้รับเหมา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่ปัจจุบันสถานการณ์โควิดคลี่คลายเป็นภาวะปกติ ก็น่าจะหมดเวลาคุ้มครองโควิดแล้ว ต่อไปจะเดินหน้าไปช่วยผู้รับเหมารายเดิมอีกหรือเปล่า แต่ไม่เห็นจะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง กรมโยธาต้องจริงใจในการแก้ปัญหา จะต้องยกเลิกทั้งสัญญาทั้งผู้รับเหมารายนี้หรือไม่ ชาวบ้านต้องการรู้กรอบเวลาที่ชัดเจน

“จึงอยากดูบันทึกข้อความเนื้อในว่ายกเลิกโครงการ หรือยกเลิกผู้รับจ้างรายนี้ เพราะชาวบ้านเป็นห่วงว่าจะมีการสอดไส้หรือเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ กรมโยธาฯ จะต้องรีบแสดงความชัดเจนออกมา รวมทั้งยกเลิกโครงการ 108 ล้าน และขึ้นแบล็คลิสต์ด้วย เพราะผู้รับเหมาเป็นรายเดียวกัน เนื่องจากชาวเมืองกาฬสินธุ์ต่างก็เอือมระอาและหมดสิ้นความเชื่อถือผู้รับเหมารายนี้สิ้นเชิงแล้ว ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้เอาสัญญามาเปิดให้สาธารณชนทราบว่า ต่อไปนี้ใครจะมารับงานโครงการนี้ ระยะเวลาทำงานกี่วัน งบประมาณเท่าไหร่ คณะควบคุมงานและตรวจรับงานมีใครบ้าง ทางคณะธรรมาภิบาลฯ จะได้มีข้อมูลเพื่อร่วมสอดส่อง ในการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด และในส่วนความเสียหายที่ผ่านมาใครจะรับผิดชอบในการเยียวยาชาวบ้าน ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เดือดร้อน รวมทั้งจะคืนสภาพถนนอย่างไร จะมีการเรียกเงินจากผู้รับเหมารายเดิมที่ทำงานไม่เสร็จคืนหรือเปล่า ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รู้ อย่าให้ตกอยู่ในความอึมครึมเหมือนอยู่ในแดนสนธยาอย่างที่ผ่านมาเลย”

 

นายชาญยุทธกล่าวในตอนท้ายว่า จากการพูดคุยกับนายวิจิตร งามชื่น โยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่ว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับคณะ ปปท.เขต 4 ขอนแก่น และ คณะ ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง 2 โครงการคือโครงการวางระบบท่อป้องกันน้ำท่วมเมืองฯ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง หลังชาวบ้านร้องเรียนให้ตรวจสอบ เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานที่ล่าช้า โดยตัวแทนผู้รับเหมาได้แจ้งว่า ยังมีอีก 8 โครงการใน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งผู้รับเหมาเจ้าเดียวทำงานไม่เสร็จ เกินกำหนดในสัญญาและได้รับการขยายเวลาทำงานออกไปโดยไม่เสียค่าปรับ เท่ากับว่าผู้รับเหมาขาใหญ่รายนี้เข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ถึง 10 โครงการทีเดียว

 

ทางคณะธรรมาภิบาลฯ พยายามติดตามข้อมูลว่าอีก 8 โครงการนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง กระทั่งทราบจากนายวิจิตร งามชื่น โยธาฯ จ.กาฬสินธุ์ว่า ข้อเท็จจริงมีเพียง 6 โครงการเท่านั้น คือ (1) โครงการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบกว่า 108 ล้านบาท (2) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ งบกว่า 59 ล้านบาท (3) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะ 2) วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบกว่า 59 ล้านบาท (4.) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบกว่า 59 ล้านบาท (5) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ.หนองหวาย-บ.หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบกว่า 39 ล้านบาท และ (6) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ งบกว่า 44 ล้านบาท รวมงบประมาณทุกโครงการกว่า 558,281,000 บาท ซึ่งทุกโครงการช้ากว่าแผน มีการเบิกจ่ายไปบางส่วน รวมเป็นเงินจำนวนมากกว่า 154,871,250 บาท แต่ได้รับการขยายเวลาทำงาน โดยมีค่าปรับเป็น 0 บาท