กาฬสินธุ์-ที่พึ่งสุดท้าย!! รวมตัวจุดธูปวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกรถแบ็คโฮหนี อย่าให้ต้องสาปแช่งกันเลย
กาฬสินธุ์-ที่พึ่งสุดท้าย!! รวมตัวจุดธูปวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกรถแบ็คโฮหนี อย่าให้ต้องสาปแช่งกันเลย
ชาวบ้านและผู้ประกอบการค้าขาย บริเวณจุดก่อสร้างโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ เดือดร้อนสุดทน อึดอัดคับแค้นใจแทบหมดอาลัยตายอยาก หันพึ่งศักดิ์สิทธ์ รวมตัวจุดธูปบอกกล่าวเทวดาฟ้าดิน เจ้าที่เจ้าทาง รวมทั้งผีแม่ย่านางประจำรถแบ็คโฮเป็นที่พึ่งสุดท้าย วิงวอนให้ดลจิตดลใจผู้รับเหมามาทำงานต่อ และสำแดงอิทธิปาฏิหาริย์รถแบ็คโฮออกไป หลังจากจอดกีดขวางหน้าร้านนานแรมปี อย่าให้ต้องถึงกับสาปแช่งกันเลย เพราะชาวกาฬสินธุ์เป็นผู้นอบน้อมและจิตใจดี พร้อมฝากถามกรมโยธาฯ ที่ว่าจะยกเลิกสัญญาเป็นโครงการอะไร ขอให้เปิดเผยชัดเจน ชาวบ้านรอคำตอบอยู่
จากกรณี คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับ ปปท.เขต 4 และ ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สอดส่องโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมืองงบ 148 ล้านบาท “สร้าง 7 ชั่วโคตรยังไม่เสร็จ” ร้องเรียนหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สร้างต่อ แม้กรมโยธาฯขยายเวลาให้จนใกล้ครบสัญญาแล้ว นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันตรวจสอบโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแก่งดอนกลาง งบ 39 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน ด้านชาวบ้านแฉซ้ำตั้งแต่ร้องเรียนทั้ง 2 โครงการ ไม่เคยเห็นบริษัทรับเหมามาทำงานก่อสร้างต่อ ทำให้เกิดปัญหาสะสมเรื้อรังมานานกว่า 5 ปี ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเมืองกาฬสินธุ์พังยับกว่า 750 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สอดส่องของคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับ ปปท.เขต 4 และ ปปช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้พบอีก 8 โครงการที่มาในลักษณะเดียวกัน งบประมาณเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งทำงานล่าช้า เกินกำหนดในสัญญาและมีการเบิกจ่ายไปบางส่วน ในขณะที่ผู้รับเหมากว่า 50 ราย และชาวบ้าน ผู้ประกอบการ เตรียมตบเท้าแจ้งความเอาผิดบริษัทใหญ่ และวอนกรรมาธิการ ปปช.-ปปง.สภาผู้แทนราษฎร อภิปรายปัญหานี้ในสภาฯ ล่าสุด ปปท.เขต 4 ขอนแก่น สายตรงถึงศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ร่วมสางปัญหา ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ชาวบ้านและผู้ประกอบการค้าขาย บริเวณถนนพร้อมพรรณอุทิศ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ สถานบันเทิงกลางเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับผลกระทบเดือดร้อนแสนสาหัส จากโครงการก่อสร้างที่ทิ้งค้างไว้ ไม่ดำเนินการต่อมาแรมปี ได้รวมตัวกันที่บริเวณจุดก่อสร้าง ซึ่งมีทั้งรถแบ็คโฮ กองวัสดุ หลุมลึก น้ำเสีย เป็นหลักฐานยืนยันแน่ชัด เสมือนเป็นอนุสรณ์แห่ง “ตราบาป” ที่ผู้รับเหมายัดเยียดให้กับผืนแผ่นดินเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งกำลังเจริญรุ่งเรือง แต่กลับถดถอยเพราะการก่อสร้างไม่คืบหน้า สร้างปัญหารอบด้าน
นายจันดา บรรนามล อายุ 43 ปี ตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารและจำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับและปุ๋ยชีวภาพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การประกอบธุรกิจการค้าขายกำลังไปได้ดี เพราะเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 การค้าการขายคล่องตัวดีมาก กลางวันลูกค้าเข้าร้านเป็นจำนวนมาก ทั้งซื้อพันธุ์ไม้ และปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งราคาประหยัดกว่าปุ๋ยเคมี ขณะที่ภาคค่ำ-กลางคืน มีลูกค้ามาเข้าร้านเป็นจำนวนมากเช่นกัน มีรายได้เดือนละ 5-7 หมื่นบาท สามารถจ้างคนงานวันละ 10-20 คนช่วยงานได้สบาย ถือเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชาวบ้านและชุมชนเป็นอย่างดี
นายจันดากล่าวอีกว่า สำหรับถนนพร้อมพรรณอุทิศ ที่เคยกว้างขวาง ซึ่งเป็นโซนธุรกิจท่องเที่ยวและสถานบันเทิงกลางเมืองกาฬสินธุ์ สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารหลายสไตล์จำนวนกว่า 10 ร้าน แต่ละร้านมีการตกแต่งทั้งหน้าร้าน ภายในร้านสวยงาม ทุกคืนจะคลาคล่ำไปด้วยลูกค้า นักท่องเที่ยว หากรวมรายได้ทุกร้านจะมีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวคืนละ 5 แสน-1 ล้านบาททีเดียว แต่พอมีโครงการก่อสร้างระบบท่อประปามาดังกล่าวลงพื้นที่ มีการนำวัสดุการก่อสร้างมาวางตามฟุตบาธและไหล่ทาง ขุดหลุมลึกหน้าร้าน แถมนำรถแบ็คโอมาจอดทิ้งไว้บดบังหน้าร้าน ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้นทันที
ด้านนายสังวาลย์ การรักษา อายุ 51 ปี ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวว่า บรรยากาศการค้าขายในย่านธุรกิจกลางเมืองกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะถนนพร้อมพรรณอุทิศ เริ่มเสียหายและถดถอยลงเรื่อยๆมาประมาณ 8 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาทั้งผู้ประกอบการและชาวบ้าน ได้รวมตัวกันร้องเรียนไปที่โยธาฯ ผู้รับเหมา และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรจะเป็น ปัญหาที่เกิดจากการรับเหมา ซึ่งสภาพที่เป็นอยู่ เหมือนถูกทิ้งขว้าง ไม่รับผิดชอบ กีดขวางการจราจร เกิดอุบัติเหตุ ร้องเรียนที เป็นข่าวที ก็แค่เห็นคนงานมาขับแบ็คโฮขุดๆ จอดๆ และล่าสุดถึงแม้มีจะมีคณะธรรมาภิบาลจังหวัด และคณะ ปปท.และ ปปช.มาสอดส่อง สอบถามปัญหาความเดือดร้อนจากชาวบ้านและผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาก็ ยังทำตัวเหมือนเป็นทองไม่รู้ร้อน ภาพจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างที่เห็น ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ขณะที่ปัญหาก็ยังคงอยู่และนับวันรุนแรงขึ้น” นายสังวาลกล่าว
นายสังวาลย์กล่าวอีกว่า ปัญหาที่หมักหมม เช่น อุบัติเหตุ เศรษฐกิจพัง ค้าขายไม่ได้ สุขภาพจิตเสีย บางคนแทบจะเป็นบ้า ไม่มีรายได้หล่อเลี้ยงกิจการ และผ่อนส่งธนาคาร เพราะต่างก็กู้เงินมาลงทุนทั้งนั้น ทุกวันนี้ชาวบ้าน ผู้ประกอบการรายเล็กรายใหญ่ จึงได้แต่หวานอมขมกลืน นับถอยหลังรอวันตาย หลายรายทนสภาพไม่ได้ก็จำเป็นต้องปิดร้านหนี ที่จิตใจหนักแน่นหน่อยก็ได้แต่อดทน หวังว่าสักวันสถานการณ์จะคลี่คลายและดีขึ้น แต่ก็ยังมองไม่เห็นอนาคตว่าโอกาสนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์แล้ว ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารเคยมีรายได้เข้าร้านเป็นจำนวนมาก
นายสังวาลย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงวันนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และปัญหาที่จะตามมาอีกในเร็วๆนี้ถ้าไม่มีการแก้ไขคือ น้ำท่วม น้ำเน่าเสียและกลิ่นเหม็น ตนและผู้ประกอบการรายอื่น ที่ยังพอมีความหวังว่าการค้าขายจะกลับมาคึกคักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าว หลังจากที่ตกอยู่ในวังวนเดือดร้อนสุดทนจนอึดอัด คับแค้นใจ จึงได้นัดรวมตัวกันจุดธูป วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง ที่ชาวกาฬสินธุ์นับถือศรัทธา รวมทั้งผีแม่ย่านางประจำรถแบ็คโฮ ดลจิตใจให้ผู้รับเหมาเห็นอกเห็นใจพวกเรา จัดคนงานมาเคลียร์พื้นที่หน้าร้านในเร็ววันด้วย อย่างไรก็ตาม หากผู้รับเหมาไม่ดำเนินการภายในเวลา 3-5 วัน ที่พึ่งสุดท้ายก็คงต้องวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธ์แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ยกกองวัสดุและรถแบ็คโฮที่จอดบดบังหน้าร้านออกไปจอดที่อื่นเสีย จะได้มีที่ว่างให้ลูกค้ามาจอดรถและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ อย่าให้ต้องสาปแช่งกันเลย เพราะพวกเราชาวกาฬสินธุ์เป็นผู้นอบน้อม และเป็นคนจิตใจดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากทราบว่าทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นในการเร่งรัดการก่อสร้าง และใช้มาตรการตัดสิทธิผู้รับจ้างที่ทำงานล่าช้าในการเสนอราคา โดยขึ้นบัญชี Black list และมาตรการยกเลิกสัญญาโครงการที่จัดมาลงใน จ.กาฬสินธุ์ 1 โครงการนั้น ชาวกาฬสินธุ์อยากทราบ และรอคำตอบอยู่ ว่าเป็นโครงการอะไร มีความคืบหน้าและชัดเจนแค่ไหน