ชุมพร-ตำรวจสืบภาค 8 นำหมายค้นตรวจยึดหลักฐานสำคัญบ้านเจ้อ้วน
ชุมพร-ตำรวจสืบภาค 8 นำหมายค้นตรวจยึดหลักฐานสำคัญบ้านเจ้อ้วน
ตำรวจสืบภาค 8 บินด่วนนำหมายค้นตรวจยึดหลักฐานสำคัญค่ายไก่ชนของเสียสมาดพบหลังฐานเชื่อมโยง
วันที่ 29 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภ.8 ร่วมกับพล.ต.ต. นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการ สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 8 พร้อม ตำรวจกองปราบ ได้เดินทางด่วนมากับเฮลิคอปเตอร์ มาลงที่สนามหน้าสถานีตำรวจภูธรนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร จากนั้นได้ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปที่บ้านของ นางวันเพ็ญ (นามสมมุติ)อายุ 62 ปี หรือเจอ้วน บ้านเลขที่ 84 หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร เพื่อเก็บหลักฐานสำคัญตามที่มีการสืบสวนพบว่าเป็นจุดเกิดเหตุอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง อายุ 56 ปี หรือ “โกหมาส”
บ้านที่ขาดว่าเป็นจุดเกิดเหตุ ทำเป็นค่ายไก่ชน อยู่ห่างจาก สภ.นาสัก 9 กิโลเมตร พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ์ เลี่ยมสงวน ผบก.กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภ.8 พร้อมชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้พบกับ นางวันเพ็ญ (นามสมมุติ) 62 ปี หรือเจ้อ้วน นั่งอยู่ในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นศาลจังหวัดหลัง เจ้าหน้าที่เข้าทำการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมโดยมีหลักฐานสำคัญได้แก่ม้วนสก๊อตเทปสีน้ำตาลซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ห่อพันศีรษะและใบหน้า “โกหมาส” โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจเก็บหลักฐานนานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว นางวันเพ็ญ (นามสมมุติ)หรือเจ้อ้วน ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.นาสัก โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เป็นผู้สอบปากคำ
พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภ.8 เปิดเผยว่า วันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้น บ้านหลังนี้คือของเสี่ยหมาส และเป็นบ้านพักอาศัยของป้าอ้วน ในช่วงที่เราเชื่อว่าเป็นจุดเกิดเหตุคดีอุ้มฆ่า การประทุษร้ายและเอาตัวไปจากสถานที่แห่งนี้ วันนี้ก็มาเก็บพยานหลักฐาน พวกวัตถุพยานเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับศพ ที่เราพบ เรื่องศพทางญาติเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นศพของเสี่ยหมาส แต่ในทางคดีจะต้องรอผลตรวจทางดีเอ็นเอ หรืออัตลักษณ์ พวกลายนิ้วมือ เพื่อให้ชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ผิดพลาด แต่ดูจากรูปคดีแล้วก็น่าเชื่อว่าไม่น่าจะผิด น่าจะเป็นเสี่ยหมาส ตอนนี้คดีก็มีท่านรองผู้บัญชาการเข้ามาควบคุมคดีเอง ต่อไปก็จะต้องเปิดคดีอุ้มฆ่า
เราสืบสวนมาจนทราบว่าที่นี่คือสถานที่เกิดเหตุ ในเรื่องของการอุ้มฆ่า เราเชื่อว่าถูกประทุษร้ายที่นี่ แล้วถูกพาตัวไปฝังที่เราพบศพ ที่บางขัน ทุกอย่างเป็นเรื่องการสืบสวนที่อยู่ในสำนวนแล้ว ผู้เกี่ยวข้องมีหลายคน ยังเปิดเผยไม่ได้ ขอทำสำนวน และว่าไปตามพยานหลักฐาน ใครเกี่ยวข้องก็ว่าไปตามคดี ขั้นตอนต่อไปคือเปิดสำนวน แล้วรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วก็ส่วนใดที่สามารถสอบสวนปากคำได้ ก็จะทำ แล้วก็เข้าคณะกรรมการ พนักงานสืบสวนสอบสวน แล้วสรุปออกแล้ว จึงขออำนาจศาล น่าจะใช้เวลาไม่นาน กำลังพยายามเร่งให้ 1-2 วันนี้ ที่ต้องรอหลักๆคือผลดีเอ็นเอ
ผลชันสูตรเบื้องต้น มีร่องรอยการทำร้าย การติดตามคลี่คลายคดี ทุกเรื่องมันมีเรื่องราวของมัน บางคดีอาจจะยาก ความยากก็ต้องใช้เวลา แต่เชื่อว่าตำรวจทำงาน ไม่ว่าจะเป็น กองปราบ โรงพัก พิสูจน์หลักฐาน เป็นรูปแบบของการรวมทีมทำงาน ช่วยกันหาพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร วัตถุพยานต่างๆ รวมถึงข่าวสารประชาชนทั่วไป นำมารวมกันคดีก็จะสมบูรณ์ เชื่อว่าทุกคดีสามารถคลี่คลายได้หมด
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923214