วัดพระธรรมกาย ร่วมสมโภชอุโบสถไม้สัก 160 ปี พร้อมรับประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระสังฆนายกเมียนมา
วัดพระธรรมกาย ร่วมสมโภชอุโบสถไม้สัก 160 ปี พร้อมรับประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระสังฆนายกเมียนมา
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 พระมหานพพร ปุญฺญชโย ป.ธ.9 รองผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้เปิดเผยว่า วัดพระธรรมกาย และคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้ถวายการอุปถัมภ์โครงการสมโภชพระอุโบสถไม้สัก ณ วัดมหาธรรมิกยามะ ชเวจิน ไตมาจี เมืองมัณฑะเลย์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้วยการถวายพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ปลียอดพร้อมร่วมงานปฏิสังขรณ์พระอุโบสถถวายเป็นพุทธบูชา
พระมหานพพร กล่าวเพิ่มว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ. สิตากู สยาดอร์ ดร.ภัททันตะ ญานิสสระ อภิธชมหารัฐคุรุ สมเด็จพระสังฆนายกแห่งนิกายชเวจิน นายกสภาสถาบันพระพุทธศาสนานานาชาติสิตากู เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายมหาสังฆทานในโอกาสสมโภชพระอุโบสถไม้สัก ในการนี้พระเดชพระคุณพระภาวนาธรรมวิเทศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในนามคณะสงฆ์ประเทศไทย เข้ารับประกาศเกียรติคุณยกย่องหลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้บำเพ็ญคุณประโยชน์เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก พร้อมทั้งกล่าวปสาทนียกถา จากนั้นคณะศิษยานุศิษย์ได้น้อมถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์ 200 รูป
พระอุโบสถไม้สักอายุกว่า 160 ปีหลังนี้ สร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระเจ้ามินดง กษัตริย์แห่งราชวงศ์คองบอง มีพุทธศิลป์แบบเมียนมาที่งดงาม โดดเด่นด้วยลวดลายการสลักไม้อย่างวิจิตร อลังการ และได้พระราชทานถวายแด่สะยาดอร์ จาการะ พระมหาเถระผู้ก่อตั้งนิกายชเวจิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้านิกายหลักของประเทศเมียนมา
ในปี 2561 ชเวจิน สยาดอร์ ภัททันตะ ทุติวาระ เจ้าอาวาสวัดมหาธรรมิกยามะ ชเวจิน ไตมาจี รูปปัจจุบันได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงได้ริเริ่มโครงการบูรณะพระอุโบสถทั้งหลัง วัดพระธรรมกาย และคณะศิษย์ยานุศิษย์ ตระหนักและซาบซึ้งถึงความเมตตาของคณะสงฆ์เมียนมาที่มีต่อวัดพระธรรมกาย ประเทศไทยมาโดยตลอด จึงได้ถวายการอุปถัมภ์โครงการด้วยการถวายพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ปลียอดพร้อมทั้งส่งอุบาสกถาวร พรหมถาวร ผู้เชี่ยวชาญงานไม้มาเป็นหัวหน้างานปฏิสังขรณ์พระอุโบสถหลังนี้ จนกระทั่งแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2566 เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา เป็นธรรมบูชา เทิดทูนพระสัทธรรม และเป็นสังฆบูชา ตอบแทนในความเมตตา ปรารถนาดี เป็นอนุสรณ์แห่งสังฆไมตรี และสังฆสามัคคีอันดีระหว่างกันและกันสืบไป
ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน