กาฬสินธุ์เปิดหลักฐานเด็ดโชว์สลิปโอนเงินซื้อไม้พะยูงรวมซื้อเฉียดล้านลงใบเสร็จแสนเดียว
ผู้การกาฬสินธุ์เค้นสอบปากคำพยานปากเอก “พ่อค้ารับซื้อไม้พะยูง” ในที่ราชพัสดุ ที่ยอมเปิดหน้าชกเผยความจริงหมดเปลือก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีเจตนาซื้อไม้พะยูงผิดกฎหมายในโรงเรียน อ้างรับซื้อเพราะมีหลักฐานอนุญาตซื้อขาย โชว์สลิปโอนเงินจำนวน 340,000 แสนบาทให้กับข้าราชการระดับสูง ระบุจ่ายเงินยอดรวมกว่า 919,000 บาท ลงใบเร็จแค่ 129,000 บาท เป็นหลักฐานเด็ดดำเนินคดี พร้อมแจ้งความเอาผิดข้าราชการเกี่ยวข้อง ข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ได้ลงพื้นที่สอบปากคำพยาน คดีตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุหรือในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 โดยสอบปากคำไปแล้วจำนวน 14 ปาก ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดพยานปากสำคัญซึ่งเป็นพ่อค้า ได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่าย สำเนาสัญญาซื้อขาย พร้อมสลิปโอนเงิน มามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบสำนวนคดีด้วย ถือเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัวข้าราชการระดับสูงของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอน และเชื่อมโยงถึงข้าราชการระดับสูง ของ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน ก่อนที่พยานปากเอกที่เป็นพ่อค้ารับซื้อไม้คนดังกล่าว จะแจ้งความเอาผิดข้าราชการทั้ง 3 คน ข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พล.ต.ต.ตรีวิทย์กล่าวอีกว่า คดีตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งลักลอบตัดและขออนุญาตตัดขาย เกิดขึ้นหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขต สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะเห็นดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เขตเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์และโรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก และโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี แต่ผลการสอบปากคำพยานหลายปาก สามารถที่จะประมวลผลและเชื่อมโยงเหตุการณ์ถึงข้าราชการและตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการตัดไม้พะยูงขายหลายโรงเรียน หลายคน ซึ่งตอนนี้เข้าข่ายที่จะตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดจำนวน 7 คน โดยมีบุคคลที่เป็นข้าราชการระดับสูงของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ 1 คน และ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตตัด ให้อนุญาตตัด ซึ่งใกล้จะสรุปสำนวนส่ง ปปช.กาฬสินธุ์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเร็วๆนี้
“จากการสอบปากคำพยานสำคัญในกรณีดังกล่าว ทั้งคณะกรรมการสถานศึกษา ครูโรงเรียน และผู้ซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ล่าสุดยังมีพ่อค้าซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก ได้นำภาพถ่าย สำเนาสัญญาซื้อขาย พร้อมสลิปโอนเงิน มามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ 1 คน และข้าราชการระดับสูง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน รวม 3 คน ข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังกล่าว” พล.ต.ต.ตรีวิทย์กล่าว
ด้านนายเอ(นามสมมุติ) พ่อค้าซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนบ้านหนองกุงไทยวิทยาคม ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็กกล่าวว่า เมื่อประมาณปลายปี 2565 ตนทราบจากชาวบ้านหนองกุงไทย ว่าทางโรงเรียนฯ จะมีการขออนุญาตตัดไม้พะยูงเพื่อจำหน่าย เนื่องจากมีคนแอบมาลักขโมยบ่อยครั้ง จึงจะขออนุญาตตัดขายไม้พะยูงที่เหลืออยู่ในโรงเรียน ตนจึงได้ไปติดต่อขอทราบรายละเอียดจากโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้แจ้งให้ทราบว่า ได้เสนอเรื่องขออนุญาตตัดไปยัง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และสพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขออนุญาตตัดตามลำดับ ตนจึงได้ไปติดต่อสำนักงานธนารักษ์ฯ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ฯ ได้บอกให้ตนติดต่อเจ้าหน้าที่ชื่อนายบี (นามสมมุติ) โดยนายบีได้แจ้งกับตนว่าวันที่ 18 ธันวาคม 2565 จะไปดูไม้ที่โรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม ตนจึงได้ตามไปดูไม้พะยูงที่โรงเรียนในวันดังกล่าว โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนนำชี้ต้นไม้พะยูงที่จะตัดขายจำนวน 7 ต้น
นายเอกล่าวอีกว่า ต่อมาประมาณปลายเดือนธันวาคม 2565 ตนได้ไปติดต่อสอบถามนายบี เกี่ยวกับใบอนุญาตขาย และตัดไม้พะยูงของโรงเรียนฯ ว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว นายบีแจ้งกับตนว่าเอกสารขออนุญาตขายตัดไม้พะยูงจาก สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 มาถึงสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์แล้ว ทั้งนี้นายบียังบอกกับตนว่ามีอำนาจหน้าที่ในการประเมิน และออกใบอนุญาตให้กับสำนักงานเขตฯ ได้ขอคุยนอกห้องปฏิบัติงาน โดยแจ้งให้ทราบว่าหากอยากจะได้เป็นผู้ซื้อไม้พะยูงขอให้จ่ายเงินผ่านนายบี จำนวน 200,000 บาท ตนไม่มีเงินสดจึงขอจ่ายโอนทางบัญชี นายบีได้แจ้งเลขบัญชีทางโทรศัพท์ให้ ตนจึงได้โอนเงินให้ โดยโอนเงินวันที่ 25 ธันวาคม 2565 เวลา 15.56 น. ตามเอกสารหลักฐานที่ส่งมาด้วย และแจ้งให้ตนทราบว่าหากดำเนินการทำเอกสารเสร็จแล้ว จะนำไปส่งให้ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ด้วยตนเอง
“เมื่อนายบีทำเอกสารเสร็จ จึงได้โทรศัพท์มาบอกตน และได้ขอเงินเพิ่มอีกจำนวน 50,000 บาท นายบีจึงนำเอกสารดังกล่าวไปส่งที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ด้วยตนเอง ต่อมาตนได้ไปติดต่อที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 เพื่อขอรับเอกสารสัญญาซื้อขายเพื่อนำไปประกอบการตัดไม้พะยูง นายบีได้แจ้งให้ตนเตรียมเงินไปด้วยประมาณ 500,000 บาทไปด้วย โดยเมื่อไปถึง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และขณะที่รอทำสัญญาซื้อขายไม้พะยูงของโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม ระหว่างสพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 โดยนายซี (นามสมมุติ) ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 กับตนนั้น นางดี (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ให้ตนจ่ายเงินจำนวน 400,000 บาท ตนจึงถามว่าเป็นเงินค่าอะไร เพราะตนได้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ธนารักษ์แล้ว นางดีแจ้งว่าเป็นค่าลงนามในสัญญาซื้อขายไม้พะยูง ตนจึงได้นำเงิน 400,000 บาท ใส่ซองกระดาษมอบให้กับนางดี จากนั้นนางดีได้นำสัญญาซื้อขายมาให้ตนลงนามในสัญญา พร้อมทั้งให้ตนจ่ายเงินค่าซื้อไม้พะยูงอีกจำนวน 99,000 บาท รวมจ่ายวันนั้น 499,000 บาท
“นอกจากนี้ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ตนยังได้โอนเงินจำนวน 140,000 บาท และจ่ายเพิ่มอีก 30,000 บาท ให้กับนายบี เพื่อซื้อไม้พะยูง 3 ต้น ที่โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์อีกด้วย โดยทั้ง 2 แห่ง เมื่อรวมทั้งหมดที่ตนโอนให้นายบีและจ่ายซื้อไม้พะยูงคือ 919,000 บาท (งวดแรกค่าดำเนินการโอน 200,000 บาท+ขอเพิ่ม 50,000 บาท+ค่าลงนามซื้อไม้ 400,000 บาท+ค่าซื้อไม้พะยูงโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม 99,000 บาท+โอนซื้อไม้พะยูงโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ 140,000 บาท +จ่ายเพิ่มอีก 30,000 บาท รวมที่ตนจ่ายซื้อไม้พะยูงทั้งหมด 919,000 บาท) ซึ่งเป็นเจตนาซื้อขายไม้โดยบริสุทธิ์ใจ เพราะเห็นว่ามีหลักฐานการขออนุญาตตัด และซื้อชายโดยทางราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนนายบีกับนายซีและนางดี จะไปจัดการบริหารเงินยังไง ลงใบเสร็จรับเงินเท่าใด ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ ทราบภายหลังว่า ลงใบเสร็จรับเงินโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคมเพียง 99,000 บาท และลงใบเสร็จโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์เพียง 30,000 บาทเท่านั้น” นายเอกล่าว
นายเอกล่าวทิ้งท้ายว่า พฤติกรรมดังกล่าวตนเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายบีเจ้าหน้าที่ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์, นายซี ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และนางดี เจ้าหน้าที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ในการเรียกรับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์ตนเอง และพวกพ้อง คือเงินทั้งหมดที่ตนจ่ายไปแต่ละครั้ง ตนเข้าใจว่าจะนำเงินเข้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน แต่มาทราบภายหลังว่ามิได้นำเงินทั้งหมดเข้าเลย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตน จึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษว่าข้าราชการทั้ง 3 คนปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป