26/12/2024

อยุธยา – ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับอำเภอบางปะอิน บุกจับร้านบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ พบของกลาง มูลค่ากว่าล้านบาท

IMG_0820

อยุธยา – ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับอำเภอบางปะอิน บุกจับร้านบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ พบของกลาง มูลค่ากว่าล้านบาท

เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 14 ก.พ.67 ภายใต้การอำนวยการ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายดุสิต ศิริวราศัย นายอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้ นายภูวริน บุญภูพันธ์ตันติ ปลัดอาวุโสอำเภอบางปะอินนายสรรเสริญ ฉายรัศมีกุล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลังร้อย อส.บางปะอินที่ 8 ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านบุหรี่ไฟฟ้าชื่อสมายล์ลี่ ตั้งอยู่ที่ หมู่2 ต.สามเรือน อ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังมีชาวบ้านร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม อำเภอบางปะอิน กรณีบุตรหลานนำเงินค่าขนมที่ให้ไปโรงเรียน นำไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ร้านดังกล่าว จึงสนธิกำลังร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัด พระนครศรีอยุธยา นำโดย นายศุภกร อนันตรักษ์ ป้องกันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมวางแผนจับกุม

จากการตรวจสอบพบว่าร้านบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว เปิดขายตั้งแต่เวลา 09.00 น.จนถึงเวลา 21.00 น.โดยมีนายนันวัฒน์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เป็นผู้ดูแลร้าน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถทำการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้จำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่าล้านบาท

นายภูวริน กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้ปกครองของเด็กมาร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางปะอิน ว่าเด็กนำเงินค่าขนมที่ให้ไปโรงเรียนมาซื้อบุหรี่ไฟฟ้า พอว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงทำการจับกุมผู้ต้องหา จากการสอบสวนพบว่ามีการลักลอบเปิดมาหลายเดือนแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้ใช้แรงงานและกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อยากฝากเตือนไปถึงเยาวชนและผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ขณะนี้ ขอให้เลิกซะเพราะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และทำลายสุขภาพ ไม่ดีต่อสุขภาพ และห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หลังการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงแจ้งข้อกล่าวหา ซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีศุลกากร โดยถูกต้อง อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

และอีกข้อหาคือ ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าห้ามขายสินค้า”จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

เดชา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

เรื่องราวที่คุณอาจพลาดไป