บิ๊กต่อ-รองโจ๊ก” บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เร่งรัดติดตามคดีฆาตกรรมป้ากบ-ถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยก
บิ๊กต่อ-รองโจ๊ก” บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เร่งรัดติดตามคดีฆาตกรรมป้ากบ-ถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยก ผบ.ตร.น้อมรับความผิดพลาดขอโทษประชาชน ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ยันคลิปเสียงตำรวจเชื่อว่าเป็นคลิปจริง บ่นเหนื่อยใจ ทำประชาชนเอียนพฤติกรรมตำรวจ ปกปิดบังคับลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เรียกร้องผู้บังคับบัญชาระดับภาค ทบทวนตัวเอง
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน หรือป้ากบ ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา วันที่ 19 มกราคม 2567 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเร่งรัดติดตามคดี 5 เยาวชนฆาตกรรมนางสาวบัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี หรือ ป้ากบ และคดีพนักงานสอบสวนคลุมถุงดำบังคับให้ลุงเปี๊ยก สามีป้ากบ รับสารภาพเป็นแพะในคดี
ด้าน ผบ.ตร.น้อมรับความผิดพลาดขอโทษประชาชน ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” ยันคลิปเสียงตำรวจเชื่อว่าเป็นคลิปจริง บ่นเหนื่อยใจ ทำประชาชนเอียนพฤติกรรมตำรวจปกปิดบังคับลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เรียกร้องผู้บังคับบัญชาระดับภาคทบทวนตัวเอง
โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยก่อนการเดินทางว่า วันนี้จะลงพื้นที่ไปรับฟังข้อเท็จจริงกรณีเยาวชนกลุ่มนี้ ตลอดจนเยาวชนในแก๊งรายอื่น ที่ก่อความรุนแรงสะสมมานานหลายคดี ซึ่งจะต้องไล่ตรวจสอบย้อนหลังในทุกคดีทั้งหมดที่มีเบาะแส และเชิญผู้เสียหายแต่ละคดีมาสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แม้จะเป็นคดีเก่าที่เกิดนานแล้ว แต่เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีแนวทางในการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ นอกจากนี้จะต้องไปพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับผู้ปกครองเด็กที่ปล่อยปละละเลยบุตรหลานด้วย
ส่วนการดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่บังคับให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพนั้น จะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดก่อนที่จะมีการชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ โดยเฉพาะประเด็นคลิปเสียงการสนทนาของชายที่คาดว่าเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี และพันตำรวจโท รวมถึงดาบตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ หรือมีการตัดต่อบิดเบือนคลิปเสียง ซึ่งจะต้องเรียกบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าของเสียงมาสอบปากคำว่าพูดจริงหรือไม่ และเมื่อทราบเรื่องแล้วเหตุใดจึงไม่ดำเนินการกับตำรวจที่กระทำความผิด พร้อมยืนยันว่าหากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย
ส่วนจะมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกี่รายนั้นยังไม่สามารถตอบได้ ต้องขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการสอบวินัยตำรวจทั้งหมดและรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว แต่ส่วนของคดีอาญาทั้งหมดก็ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็น้อมรับความผิดพลาดและขอโทษประชาชน ที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องและทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะแม้แต่ตนเองก่อนหน้านี้ก็ยังตั้งข้อสงสัยถึงกระบวนการสอบสวนและคดีดังกล่าว และในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้า ก็ไม่เหนื่อยและไม่ปวดใจ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นก็จะต้องแก้ไข และพยายามทำให้อยู่ในกรอบทั้งหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในองค์กรตำรวจที่มีคนจำนวนมาก มีตำรวจบางนายที่ประพฤติไม่ดี ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ให้ออกจำนวนกว่า 300 นายเมื่อปีที่ผ่านมา และในการประชุม ก.ตร. ครั้งที่จะถึงนี้ ก็มีคำสั่งให้ออกอีกกว่า 60 นาย
ยืนยันว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่จบ และใครผิดไม่เลี้ยงไว้ และในการลงพื้นที่วันนี้ก็จะต้องปรับปรุงเรื่องการสืบสวนสอบสวนด้วย เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว ควรนำเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ในการสอบสวน ยกระดับให้ได้มาตรฐานและอยู่ในกรอบของกฎหมาย จะสอบสวนแบบเดิมๆ ไม่ได้”
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุของกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่ามีคดีค้างเก่าไม่น้อยกว่า 5-6 คดี ทั้งคดีกระทำชำเรา รุมโทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ก่อเหตุเลย ซึ่งตอนนี้คณะทำงานพบผู้เสียหายแล้ว และจะต้องเชิญผู้เสียหายทั้งหมดมาให้ข้อมูล แม้คดีจะผ่านมานานแล้วก็ตาม รวมทั้งจะต้องเชิญผู้กำกับและหัวหน้าชุดทำคดีทั้งหมดมาสอบถามถึงปัญหาว่าคดีติดขัดเรื่องใด เหตุใดจึงไม่มีความคืบหน้า เพื่อจะเร่งรัดดำเนินคดีเพิ่มเติมกับเยาวชนทั้ง 5 คน นอกเหนือจากคดีฆาตกรรมป้ากบ ยืนยันคดีทั้งหมดผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม
ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาเพิ่มเติมนั้น ตนเองได้ฟังแล้วเชื่อว่าเป็นคลิปเสียงจริง แต่หากมีการตัดต่อก็สามารถตรวจสอบได้ และการที่พนักงานสอบสวนร้องอุทานตกใจเมื่อทราบว่าจับผิดตัว และเอาลุงเปี๊ยกไปฝาก ก็เหมือนเอาคนไม่ผิดเข้าคุก ก็ต้องให้ความเป็นธรรม ไปดูว่าพนักงานสอบสวนรีบแก้ไข รีบทำหนังสือถึงศาล เพื่อให้ปล่อยตัวลุงเปี๊ยกออกมาโดยเร็วหรือไม่ โดยเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว ให้ได้ความชัดเจนว่าใครผิด และจะต้องเอาออกทันที ไม่ปล่อยเวลาเนิ่นนานไปถึง 5-6 วันโดยไม่มีความคืบหน้า รองผู้กำกับการที่ยอมรับว่ารู้เหตุการณ์คลุมหัวจริงก็ต้องดำเนินคดี ส่วนใครรับรู้อีกก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง
พร้อมยอมรับเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกิดขึ้น ที่เมื่อกระทำผิดแล้วพยายามปกปิด รายงานข้อเท็จจริงไม่ครบหรือปิดบังเรื่องการสอบสวนที่ผิดพลาด เช่น มีการไปกระทืบลุง จับกุมผิดตัว กลัวผู้บังคับบัญชารู้ กลัวจะถูกเล่นงาน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือลูกตำรวจ ซึ่งทั้งหมดทำให้ตนเองต้องมารู้เรื่องราวจากสื่อมวลชน และลุงเปี๊ยกที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งลุงเปี๊ยกก็มีความเคียดแค้นว่าตำรวจนายนี้ทำร้ายตนเอง บังคับให้นำชี้ที่เกิดเหตุ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ใช้คำว่า “ตนเองก็เหนื่อยใจ และประชาชนก็รู้สึกเอียนจนไม่รู้จะเอียนอย่างไรแล้ว” และในฐานะผู้บังคับบัญชา ตนเองก็ต้องลงไปแก้ไข
ดังนั้นวันนี้ผู้บัญชาการภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการพื้นที่และทุกคนจะต้องทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช่ต้องให้ระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องลงพื้นที่ไปเอง ไม่กังวลว่าลูกน้องจะรังเกียจ ใครทำไม่ดีต้องถูกดำเนินการ
ด้าน พล.ต.อ.ธนา เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีบุคคลบางกลุ่มได้รับคลิปวงจรปิด และสั่งให้เจ้าของกล้องวงจรปิดลบคลิปต้นฉบับ เพื่อหวังผลประโยชน์ ว่า เป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ และพิจารณาในรายละเอียดก่อน แต่หากพบว่ามีใครเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการหลังจากนี้ โดยจะเน้นทำคดีหลักก่อน.