กาฬสินธุ์สาวเจ้าของเต็นท์รถเช่าแจ้งจับมิจฉาชีพเชิดกระบะหนีขู่นำเงินมาไถ่รถคืน
สาวเจ้าของธุรกิจเต็นท์เช่าชาวกาฬสินธุ์ วัย 29 ปี โร่แจ้งความตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพทำทีมาเช่ารถกระบะอ้างว่าจะใช้เดินทางไปร่วมงานกฐิน ก่อนเชิดรถกระบะหนีหาย ติดต่อตามหากลับถูกขู่ให้นำเงินมาไถ่รถคืน ถ้าไม่ได้เงินจะส่งรถข้ามโขง ขณะที่โซเชียลโพสต์มีผู้เสียหาย 20 -30 ราย ระบุเป็นแก๊งอันตรายตระเวนเช่ารถทั่วภาคอีสาน ลำเลียงส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 น.ส.นิศารัตน์ นาโควงค์ อายุ 29 ปี เจ้าของธุรกิจเต็นท์เช่าแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 48/1 ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ฉัตรชัย เห็มสมัคร ร้อยเวร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพที่มาเช่ารถกระบะก่อนเชิดรถกระบะหนีหาย พร้อมได้นำภาพถ่ายชายวัยกลางคน ใส่เสื้อยืดสีน้ำตาล กางเกงยีนส์สีดำ ที่ทำทีมาเช่ารถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 9713 กาฬสินธุ์ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานที่ปรากฏเป็นภาพนิ่ง
ขณะทำการเช่ารถกระบะยืนถือบัตรประจำตัวประชาชน ชื่อนายทรงศักดิ์ ไชยวงศ์ ที่อยู่ 50 หมู่ 5 ต.เหล่าปอแดง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร คาดว่าเป็นหนึ่งในแก๊งมิจฉาชีพ ที่ทำเป็นขบวนการในการตระเวนเช่ารถและนำไปจำนำ ในขณะให้ผู้เสียหายให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ปรากฏว่า 1 ในแก๊งมิจฉาชีพได้ไลน์หาผู้เสียหายให้นำเงิน 60,000 บาทมาไถ่รถกระบะคืนที่ จ.อุดรธานี ไม่เช่นนั้นจะนำรถข้ามโขงส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี พ.ต.ท.สุเทพ ภูกันหา รอง.ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ คอยอำนวยความสะดวก และร่วมสอบปากคำ
น.ส.นิศารัตน์ นาโควงค์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมานายทรงศักดิ์ ไชยวงศ์ ได้มาเช่ารถกระบะวีโก้ 4 ประตูกับตน อ่างว่าจะนำไปร่วมงานบุญกฐิน โดยมีนัดคืนรถในช่วงเย็นของวันที่ 17 พ.ย. แต่ถึงเวลานัดหมายไม่ได้นำรถมาส่งคืนตามกำหนดที่ได้ตกลงกันไว้ ตนจึงโทรศัพท์หาผู้เช่ารถแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงได้ไลน์หาอีกครั้งแต่ไม่มีการตอบรับกลับมาก็รู้สึกเอะใจ จึงได้เสิร์ชหาชื่อ นามสกุลผู้เช่ารถ ปรากฏว่านายทรงศักดิ์และแฟน ได้ตะเวนเช่ารถทั่วภาคอีสานแล้วเชิดรถหนี ไม่ส่งรถกลับคืนตามกำหนด โดยมีผู้เสียหายประมาณ 20 -30 ราย มีรถกระบะที่ถูกหลอกเช่าและเชิดหนีหลายคัน
น.ส.นิศารัตน์ นาโควงค์กล่าวอีกว่า ตนมีหลักฐานการเช่ารถ มีการเซ็นเอกสารไว้เป็นหลักฐานทุกอย่าง จากนั้นได้เสิร์ชหาชื่อผู้เช่า พบในพื้นที่ จ.บึงกาฬ จึงได้ออกประกาศเตือนภัยในโซเชียลถึงบุคคลอันตราย ที่เป็นแก๊งมิจฉาชีพเชิดรถหนี จากนั้น ในวันที่ 18 พ.ย. ตนได้เดินทางไปที่ภูมิลำเนาบ้านผู้ก่อเหตุ จนไปพบผู้ใหญ่บ้าน ได้ข้อมูลว่ามีแต่คนมาตามนายทรงศักดิ์ ซึ่งบ้านผู้ก่อเหตุมีแต่พี่ชายอาศัยอยู่ ตนจึงได้เดินทางไปที่บ้านแฟนของนายทรงศักดิ์ พบแต่แม่ฝ่ายหญิง ซึ่งก็ยอมรับว่าลูกสาวเป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวจริง
น.ส.นิศารัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนั้นได้เดินทางกลับกาฬสินธุ์ มีสายโทรศัพท์ปริศนาโทรมาให้นำเงิน 60,000 บาท มาไถ่รถกระบะคืน ไม่เช่นนั้นจะนำรถไปจำนำที่อื่น ถ้าอยากได้รถคืนให้ไปรับที่ จ.อุดรธานี ตนจึงได้โทรปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รู้ว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพทำเป็นขบวนการ สุดท้ายขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามนำตัวผู้ก่อเหตุทั้งแก๊งมิจฉาชีพมาดำเนินตามกฎหมาย เพราะตอนนี้ตนมีความทุกข์ใจมาก รถกระบะคันนี้มีมูลค่านับล้านบาท กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงเพื่อมาเลี้ยงครอบครัว และอยากจะฝากถึงผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเช่ารถ ให้ตรวจสอบประวัติของผู้เช่าอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับตน
ขณะที่ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกันหา รอง.ผกก.สอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรัดคดีนี้ให้เร็วที่สุด เพราะผู้ก่อเหตุมีการเช่าและมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาหลายท้องที่ โดยการขอศาลออกหมายจับ จากนั้นจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ค้นประวัติ และออกติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป