ตาก – กลุ่มเกษตรกรโคขุน พ่อค้าชายแดนยื่นหนังสือหลังได้รับความเดือดร้อน จากการนำเข้า โคกระบือ แพะแกะ ต่อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตาก – กลุ่มเกษตรกรโคขุน พ่อค้าชายแดนยื่นหนังสือหลังได้รับความเดือดร้อน จากการนำเข้า โคกระบือ แพะแกะ ต่อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่บริเวณสำนักงานเทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ประชุมหารือพร้อมมอบนโยบาย กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนการประชุม ทางดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ ผู้ประสานงานพรรคเพื่อไทย ได้นำคณะกลุ่มเกษตรกรโคขุน พ่อค้าชายแดน ผู้ประกอบการค้าชายแดน กลุ่มรถบรรทุกฟางและอาหารสัตว์ จากหลายๆพื้นที่ ยื่นหนังสือให้กับนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตรง นอกจากนี้ชาวอำเภอแม่สอด ยังขอรับการสนับสนุนนโยบาย ดิจิตอลวอลเลท เปลี่ยน ที่ทำกินจาก สปก.เป็นโฉนดที่ดินและพักหนี้เกษตรกรพร้อม 30บาทรักษาทุกโรคทั่วประเทศไทย ซึ่งทางด้าน นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มาดูข้อเท็จจริงหลายๆเรื่อง เรื่องแรกคือตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายการปราบปรามการนำเข้าของเนื้อเถื่อนไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อควายที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางรัฐบาลเองโดยท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน ก็มีบัญชาให้กรมปสุสัตว์ เข้มงวดติดตามและทำการปราบปราม ให้สิ้นซากเพื่อเป็นการคุ้มครองพี่น้องประชาชนในฐานะที่เป็นเกษตรกรรายย่อยและได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากว่ามีการนำมาบรรจุขายทำให้กลไกการตลาดนั้นเสียหาย การลงพื้นที่มาที่แม่สอดแห่งนี้ เนื่องจากว่าเป็นชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและมีการเรียกร้องให้มีการนำเข้าวัวที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับการนำเข้าและไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงได้ลงมาดูข้อเท็จจริงและมารับฟังปัญหาต่างๆว่าเป็นอย่างไร ได้รับรายงานและได้รับฟังปัญหาจากประชาชนทุกฝ่าย ผมกลับไปก็จำนำเอาทั้ง 2 กลุ่มมาเจอกัน ด้วยเหตุผลว่า กลุ่มที่เรียกร้องให้นำเข้ามีความเดือดร้อนเรื่องอะไรและกลุ่มที่ไม่ต้องการให้นำเข้ามีผลกระทบอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ตัดสินใจหาทางแก้ไข แต่ผมคิดว่าบนพื้นฐานของการเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาจากพื้นฐานเดียวกัน ก็คือรายได้จากการจำหน่ายเนื้อที่มีชีวิตมีราคาต่ำมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีมีนโยบายต้องการที่จะเปิดตลาดโคเนื้อไปยังต่างประเทศ เพราะฉะนั้นลูกค้ารายใหญ่คือประเทศจีน ประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชา แล้วก็ตลาดใหม่ที่สุดคือตะวันออกกลาง ถ้าเราสามารถที่จะควบคุมคุณภาพในการส่ง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาโคเนื้อของประเทศไทยติดโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยและมีโรคจากการติดต่อของสัตว์ เราต้องการสร้างความเชื่อมั่น หลังจากนี้ไปถ้าประเทศไทยเราสามารถควบคุม โดยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการและเกษตรกรทำตามเงื่อนไข การควบคุมสกัดโรคต่างๆได้ เพื่อให้ประเทศคู่ค้าเรามีความมั่นใจว่า สินค้าที่มาจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ถ้าทำได้หมายความว่า ตลาดโคเนื้อของเราสามารถออกสู่ตลาดโลกได้ แต่ในขณะนี้เรายังพัฒนาไม่ได้ถ้าเรายังนำเข้ามาผลกระทบตกอยู่ที่เกษตรกรภายในประเทศ วันนี้จึงได้ลงพื้นที่มาที่แม่สอด เพื่อที่จะสร้างเป็นศูนย์กักกัน ปลอดโรค ปลอดภัย มีคุณภาพ เกษตรกรก็มีรายได้ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ มีเงินเข้าประเทศ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้ ///////////////////
ภาพและข่าว วรภา พันลุตัน จ.ตาก