ว่าที่ ร้อยตรี.ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ- พรรคประชาธิปัตย์และอดีต คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจี้ รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังกับฝุ่น PM 2.5
ว่าที่ ร้อยตรี.ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ- พรรคประชาธิปัตย์และอดีต คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจี้ รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังกับฝุ่น PM 2.5
เมื่อวันพุธที่ ๒๕ ตุลาคม ๖๖ ว่าที่ ร้อยตรี.ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ- พรรคประชาธิปัตย์และอดีต คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเผชิญวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ไม่รู้จักฝุ่นพิษ PM 2.5 ในขณะที่เราทุกคนรู้ว่ามลพิษฝุ่น PM 2.5 นั้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และต้นทุนทางการเงินที่แท้จริงของมลพิษทางอากาศคืออะไร ? โดยสถิติในปี ๒๕๖๖ ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากฝุ่นพิษ PM 2.5 แล้วมากกว่า ๗,๗๐๐ ราย โดยทุกวันนี้ต่างคนต่างดูแลตนเองและหน่วยงานหลายหน่วยงานก็ไม่ได้บูรณาการกันในการแก้ปัญหา จากข้อมูลที่ทราบก็คือ การก่อมลพิษฝุ่น pm 2.5 สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือท่อไอเสียที่เกิดจากรถยนต์ซึ่งเกิดการเผาไหม้ไม่ได้มาตรฐาน และก็ส่วนใหญ่จะพบในรถหน่วยงานราชการ จุดวิกฤตในกรุงเทพฯที่เคยลงพื้นที่กับ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แยกที่มีปัญหาฝุ่นพิษ pm 2.5 มาเป็นลำดับต้นๆคือบริเวณแยกตึกชัย, แยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, แยกปทุมวัน, แยกราชประสงค์, แยกสาทร และ แยกนราธิวาสราชนครินทร์เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาตนเองในฐานะ ผู้ที่ทำงานทางการเมือง เห็นมีไม่กี่พรรคการเมืองที่รณรงค์และเป็นนโยบายของพรรคการเมืองนั้นๆในเรื่องของการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ pm2.5 อย่างจริงจังจึงฝากให้รัฐบาลเศรษฐา ๑ เอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องมาตรการในการดูแลสุขภาพของพี่น้องคนไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯและประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรภาคเอกชนในภูมิภาคอาเซียนเรื่องการป้องกันฝุ่นพิษดังกล่าวจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย ถึงแม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลโดยตรงกับคะแนนเสียงทางการเมือง แต่ก็เชื่อว่าเป็นความใส่ใจและเอาใจใส่ ของรัฐบาลที่มีต่อคนไทยทุกคนเพราะการเสียชีวิตด้วยฝุ่นพิษ PM2.5 ไม่เลือกฉัน วรรณะ ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ และปัจจุบันนี้ก็ไม่มีการรณรงค์ในการสวมหน้ากากอนามัยชนิดป้องกันฝุ่นพิษดังกล่าวเมื่อออกนอกเคหสถานยิ่งทำให้เกิดปัญหา การเข้ารับการรักษาตัวโรคติดเชื้อทางเดินหายใจในโรงพยาบาลต่างๆเพิ่มขึ้นและตนเองเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นปลายปีถึงต้นปีหน้าเป็นต้น
