กาฬสินธุ์มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยากนำถุงยังชีพพระราชทานช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
คณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย นำรถเดินทางเป็นคาราวานนำถุงยังชีพ เวชภัณฑ์สิ่งของพระราชทาน พร้อมนั่งเรือท้องแบนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์
ที่บ้านท่าสีดา หมู่ 9 ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ คณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย นำเรือท้องแบนและรถคาราวานนำสิ่งของถุงยังชีพพระราชทาน เวชภัณฑ์ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ นางสุภาพร เกียรติดำเนินงาม เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วน จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างกาฬสินธุ์ ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมนำถุงยังชีพ เวชภัณฑ์พระราชทานมอบให้กับประชาชนภายในหมู่บ้านท่าสีดา
ทั้งนี้ก่อนการเดินทาง นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ และคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด เข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชน ที่อาศัยถนนเลียบคลองชลประทานทางเข้าบ้านท่าสีดา ซึ่งกางเต็นท์เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว หลังจากน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก และคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วน จ.กาฬสินธุ์ เดินเท้าลุยน้ำ ส่งมอบอาหารสำเร็จรูปให้กับประชาชนสองข้างทางภายในบ้านท่าสีดาที่ระดับน้ำเริ่มลดลง และสอบถามถึงความเป็นอยู่ จากนั้นส่งมอบกำลังใจให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วม และได้เดินทางขึ้นบ้านครัวเรือนที่มีผู้ป่วยติดเตียงเพื่อมอบถุงยังชีพพระราชทานให้ถึงมือครอบครัวผู้ประสบภัย และความปรารถนาดีให้กับครัวเรือนผู้ประสบภัยสร้าง ความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากและคณะ ได้นั่งเรือท้องแบนนำถุงยังชีพสิ่งของพระราชทาน และเวชภัณฑ์มอบให้ประชาชน และมอบถวายให้กับพระภิกษุสงฆ์ ในพื้นที่ประสบภัย บ้านดาวเหนือ หมู่ 7 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และ บ้านดอนยานาง หมู่ที่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ก่อนจะได้เดินทางไปยังพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ดเพื่อนำถุงยังชีพ สิ่งของประราชทานพร้อมด้วยเวชภัณฑ์ไปมอบให้ผู้ประสบภัยที่ จ.ร้อยเอ็ดต่อไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมล่าสุดวันที่ 17 ต.ค. 2566 พื้นที่ความเสียหาย จำนวน 10 อำเภอ 58 ตำบล 399 หมู่บ้าน 11,152 ครัวเรือน พื้นการเกษตรเสียหาย 898,841 ไร่ ถนนเสียหาย 247 เส้นทาง ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวปัจจุบัน 2,053.00 ล้าน.ลบ.ม. จากความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 103.69 เปอร์เซ็นต์ ยังเกินความจุ 73 ล้าน.ลบ.ม. ระบายน้ำผ่านอาคารผันน้ำละ 23 ล้าน.ลบ.ม.