ร้อยเอ็ด…สถานการณ์น้ำชีล้นตลิ่ง เซาะถนนเชื่อมหมู่บ้านพัง ด้าน ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด รุดติดตั้งสะพานเหล็กชั่วคราว พร้อมจัดเรือท้องแบน 3 ลำ ช่วยเหลือประชาชน
ร้อยเอ็ด…สถานการณ์น้ำชีล้นตลิ่ง เซาะถนนเชื่อมหมู่บ้านพัง ด้าน ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด รุดติดตั้งสะพานเหล็กชั่วคราว พร้อมจัดเรือท้องแบน 3 ลำ ช่วยเหลือประชาชน
วันนี้ (15 ต.ค. 66) นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยถึงผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีความเสียหายบริเวณถนนทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านมะบ้า หมู่ 3 และ บ้านนางาม หมู่ 4 ตำบลบึงงาม อำเภอทุ่งเขาหลวง ที่ถูกกระแสน้ำพัดตัดขาด วัดระยะทางความเสียหายได้กว้าง 8.5 เมตร และมีแนวโน้มจะเสียหายมากขึ้น เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวน 131 ครัวเรือน ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีทาง เข้า-ออก หมู่บ้านเพียงทางเดียว
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด บูรณาการร่วมกับร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบึงงามและหน่วยทหารในพื้นที่ คือ มณฑลทหารบกที่ 27 และกองพันทหารช่างที่ 6 พล.ร.6 เร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบ โดยหน่วยทหารได้เข้าดำเนินการติดตั้งสะพานเหล็กแบบเร่งด่วน Modular Fast Bridge (MFB) เพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในคืนนี้ นอกจากนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ดได้จัดเรือท้องแบน จำนวน 3 ลำ พร้อมด้วยทีมอาสากู้ภัย เข้าประจำพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรให้กับประชาชน และเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ องค์การบริหารส่วนตำบลบึงงามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้เร่งเข้าสำรวจความเสียหายและดำเนินการซ่อมแซมถนนให้สามารถสัญจรไปมาได้โดยเร็ว
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในด้านความเสียหายจังหวัดร้อยเอ็ดได้เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยได้กำชับให้หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด นายอำเภอทุ่งเขาหลวง บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยให้ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุที่ได้มีการเตรียมการและซักซ้อมตามข้อสั่งการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มาเป็นแนวทางในการบูรณาการแก้ไขปัญหา (ทีมบูรณาการ) พร้อมทั้งมีการแบ่งภารกิจ ติดตามสถานการณ์ และสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการวางแผนการดำเนินงานอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการสื่อสารสังคม โดยนำแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤตมาใช้ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารกับประชาชนในทุกช่องทางสื่อสาร
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยและทำให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยเร็ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแนะนำวิธีการดูแลตัวเองและแก้ไขปัญหาเบื้องต้น รวมทั้งได้แจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยตามวงรอบ อีกทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ช่วยเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ด้วยเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น .
“สำหรับการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า สถานการณ์น้ำของแม่น้ำชี มวลน้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง จำนวน 3 จุด ดังนี้ 1) จุดที่ตลิ่งคอสะพานทรุดตัว ถนนทางหลวงหมายเลข 2044 บ้านธวัชดินแดง ตำบลธงธานี อำเภอธวัชบุรี ซึ่งตนได้สั่งการให้แขวงทางหลวงจังหวัดร้อยเอ็ด นำหินไปวางเรียงบริเวณคอสะพาน เพื่อป้องกันตลิ่งทรุดตัว ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ 2) จุดพักพิงชั่วคราวบ้านแก่งข่า ตำบลพระธาตุ อำเภอเชียงขวัญ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 25 หลังคาเรือน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด สนับสนุนเรือท้องแบน รวม 2 ลำ มีการจัดเวรเฝ้าระวังทรัพย์สินตลอด 24 ชั่วโมง 3) จุดพนังกั้นน้ำชีชั้นใน บ้านคุยค้อ หมู่ที่ 17 ตำบลดินดา อำเภอจังหาร ซึ่งปริมาณน้ำกำลังจะล้นตลิ่งเข้าสู่พื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ได้รับความอนุเคราะห์กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 27 ในการกรอกกระสอบทรายเพื่อป้องกันตลิ่งพังในบริเวณดังกล่าว” ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติม
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้ข้อมูลการประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) และกล่าวทิ้งท้ายว่า “ขณะนี้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยเเล้ว จำนวน 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทอง อำเภอเสลภูมิ อำเภอหนองพอก อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอเมยวดี อำเภอทุ่งเขาหลวง อำเภอเชียงขวัญ อำเภอธวัชบุรี อำเภออาจสามารถ อำเภอพนมไพร อำเภอจังหาร และอำเภอเมืองร้อยเอ็ด รวมทั้งสิ้น 82 ตำบล 694 หมู่บ้าน 9,493 ครัวเรือน
โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 26,930 ราย จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดควบคู่ไปกับหน่วยงานภาครัฐที่พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังเช่นกัน และหากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว หรือยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ สามารถติดต่อสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าให้ความช่วยเหลือโดยทันที”
โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
087-864-4400 081-377-2689