กาฬสินธุ์-เอาอีกแล้ว!! มอดไม้ไม่หยุดลุยตัดต้นประดู่รอบนี้เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล ระบุเป็นเครือข่ายใหญ่ใน 4 จว.ภาคอีสาน ใบสั่งนายทุนจีน
กาฬสินธุ์-เอาอีกแล้ว!! มอดไม้ไม่หยุดลุยตัดต้นประดู่รอบนี้เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล ระบุเป็นเครือข่ายใหญ่ใน 4 จว.ภาคอีสาน ใบสั่งนายทุนจีน
ไม่หยุดเหิม!!! แก๊งมอดไม้เปิดหน้าท้าทายรัฐ ลุยตัดต้นไม้ประดู่ป่า อายุกว่า 60 ปี 2 ต้น รอบนี้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไม้ของกลาง 7 ท่อน ปริมาตร 2.656 ลบ.ม. ขณะที่คนร้ายหลบหนี แกะรอยคาดเป็นฝีมือขบวนการมอดไม้ 4 จังหวัดอีสานตอนบน รับใบสั่งนายทุนจีน ตัดไม้พะยูงแต่ถูกกดดันเลยหันมาตัดต้นประดู่ป่าทดแทน ด้านชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาตัดไม้พะยูง ที่โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว อ.ยางตลาด คณะกรรมการสถานศึกษาแทบช็อค ไม่มีไม้พะยูงเหลือสักท่อน เพิ่งรู้ถูกธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ขายทอดตลาดหมดเกลี้ยงแล้ว
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ สนธิกำลังหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.4 (ภูพระ), หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.5 (บัวขาว), หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) พร้อมอาวุธครบมือ ออกปฏิบัติลาดตระเวน เฝ้าตรวจการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้และสิ่งแวดล้อม บริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงมูล บ.สร้างแก้ว หมู่ที่ 2 ต.กุงเก่า อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ พบขบวนการมอดไม้ไม่ทราบจำนวน กำลังก่อเหตุลักลอบตัดไม้ประดู่ป่า จึงแสดงตัวเข้าตรวจ คนร้ายไหวตัวทัน อาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้
นายอดิสร คงสมกัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึดไม้ประดู่ ซึ่งถูกตัด 2 ต้นอายุประมาณ 60 ปี เตรียมขนย้าย สภาพถูกหั่นออกเป็นท่อนรวม 7 ท่อน ปริมาตร 2.656 ลบ.ม. มูลค่าความเสียหายของรัฐ เป็นเงินจำนวน 92,650 บาท ฐานผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 ฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง เจ้าหน้าที่ได้นำไม้ของกลางที่ตรวจยึดไปลงบันทึกและร้องทุกข์กล่าวโทษ กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าคันโท เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากนั้นนำไม้ของกลางไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.4 (ภูพระ)
“ในช่วงที่ผ่านมา จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ทำการลาดตระเวน ตรวจตรา ป้องกันกลุ่มคนร้ายลักลอบตัดไม้พะยูงอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ขบวนการมอดไม้ หันไปตัดไม้ประดู่ป่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ ส.ปก.เพื่อชดเชยเหตุลักลอบตัดไม้พะยูงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามความเคลื่อนไหว เชื่อว่าเป็นขบวนค้าไม้ข้ามชาติ ที่ก่อเหตุแถวรอยต่อ จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม จ. ขอนแก่น จ.อุดรธานี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังจะต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ได้แจ้งเบาะแสเข้ามา เพื่อช่วยกันสอดส่อง ดูแลรักษาทรัพยากรต้นไม้ หากพบบุคคลแปลกหน้า ต้องสงสัย หรือพบการก่อเหตุตัดไม้ทำลายป่า สามารถแจ้งเหตุมาได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ หมายเลข 095-6616419 ทั้งนี้ หากได้ตัวผู้กระทำผิดและคดีสิ้นสุด ยังมีรางวัลนำจับ ตามระเบียบของทางราชการให้กับผู้แจ้งเหตุอีกด้วย” นายอดิศรกล่าวในที่สุด
ขณะที่โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจติดตามปัญหาตัดไม้พะยูงในโรงเรียน พร้อมด้วยนายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ กส. 1 (ดงมูล) ลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานการตัดไม้พะยูงในโรงเรียน โดยนายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด มอบหมายนายอัมรินทร์ ถิตย์รัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และทางโรงเรียนโดย น.ส.วรรณกานต์ สิมมา ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว และคณะครู บุคลากรโรงเรียน อำนวยความสะดวกและให้ข้อมูล
นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ ตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน และเครือข่ายคนรักษ์ต้นไม้แจ้งมาที่ฝ่ายความมั่นคง ว่ามีกรณีของการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนหนองแวงบ่อแก้วเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการตัดไปถึง 6 ต้น จากการตรวจสอบหลักฐานและเอกสาร แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีแรกทางโรงเรียนมีหนังสือรายงานการรื้อถอนและขนย้าย แจ้งส่งสำเนาซื้อขายไม้พะยูงถึง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 เพื่อทำการตัดไม้พะยูงที่ยืนต้นตาย 4 ต้น เมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 และกรณีที่สอง เกิดเหตุคนร้ายเข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูง 2 ต้น เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 ที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบ พบหลักฐานจำนวน 6 ตอ เป็นตอไม้พะยูงที่ตายซาก 3 ตอ มีลูกไม้เกิดขึ้น 3 ตอ นอกจากนี้ ยังพบหนังสือโต้ตอบระหว่างสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ กับ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 หนังสือลงวันที่ 27 มิ.ย.66 เรื่องอนุญาตให้จำหน่ายต้นไม้ ที่ได้จากที่ราชพัสดุ เพื่อขายทอดตลาดจำนวน 17 ท่อนอีกด้วย ทั้งนี้ ยังได้ให้กำลังใจผู้อำนวยการโรงเรียน บุคลากร ครู นักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาด้วย เรื่องทั้งหมดสามารถตรวจสอบและชี้แจงได้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ด้าน น.ส.วรรณกานต์ สิมมา ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว กล่าวว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว ทั้งขออนุญาตตัดไม้พะยูงที่ยืนต้นตาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงล้มทับสิ่งปลูกสร้าง และอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน รวมทั้งการจัดการกับท่อนไม้พะยูง ที่เหลือจากการถูกคนร้ายเข้ามาลักลอบตัด ได้รับการอนุญาตจากผู้อำนวยการ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ เพราะจริงๆแล้วทั้งตน คณะครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ชาวบ้าน มีความรัก ความหวงแหน ต่อทรัพยากรต้นในไม้ในโรงเรียนทุกต้น ไม่เคยคิดที่จะขายไม้ในโรงเรียนเลย เพราะเราเป็นโรงเรียนอนุรักษ์ต้นไม้อยู่แล้ว
น.ส.วรรณกานต์กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงในโรงเรียน ก็เชิญชวนทุกภาคส่วนในพื้นที่ ร่วมกันประกอบพิธีบวชต้นไม้พะยูง เพื่อเป็นกุศโลบายให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ต้นไม้ รวมทั้งวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครอง ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาลอบตัด อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีชื่อตนเป็นคณะกรรมการประเมินราคากลางขายทอดตลาดไม้พะยูงจำนวน 17 ท่อน ตามที่ปรากฏในเอกสารนั้น ก็เป็นไปตามระเบียบของ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้บริหารโรงเรียน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขายทอดตลาดไม้พะยูง
ขณะที่นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพตอไม้พะยูง ที่ทางโรงเรียนระบุว่ายืนต้นตาย 4 ต้น และถูกลักลอบตัด 2 ต้น โดยเฉพาะตอที่ยืนต้นตายนั้น เป็นที่น่าสังเกตคือ เป็นไปได้ไหมที่ไม้พะยูง ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง จะยืนต้นตายพร้อมกันหรือในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 4 ต้น จากการวัดขนาดตอไม้พะยูง พบว่ามีขนาดรอบลำต้นขนาดใหญ่ 2 ตอ และขนาดกลาง 2 ตอ โดย 1 ใน 4 ตอมีลูกไม้หรือกิ่งไม้เกิดขึ้น ซึ่งลักษณะที่มีลูกไม้เกิดขึ้น สันนิษฐานเบื้องต้นไว้เลยว่าต้นไม้ดังกล่าวไม่ได้ยืนต้นตาย ทั้งนี้ เป็นจุดสงสัยเท่านั้น ไม่ได้มุ่งจับผิดใคร อย่างไรก็ตาม ในประเด็นความสงสัย ยังพุ่งไปที่ไม้พะยูง 17 ท่อน ที่คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนหนองแวงบ่อแก้วอยากทราบ เพราะเคยนำมาเก็บไว้ในห้องประชุม ปรากฏหลักฐานเป็นภาพถ่าย บันทึกจากมือถือ ระบุวันที่ 5 พ.ค.66 หลังเกิดเหตุคนร้ายลักลอบตัดวันที่ 2 พ.ค.66 ซึ่งคณะกรรมการสถานศึกษาทุกคน ยืนยันว่าไม่เคยทราบเรื่องการขายทอดตลาดไม้พะยูงในโรงเรียนเลย
นายทองคำ เหมกุล กำนันตำบลอิตื้อ กล่าวว่า ตนและผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนหนองแวงบ่อแก้ว ไม่เคยทราบว่ามีการขายไม้พะยูงในโรงเรียน ทราบแค่ว่ามีการขออนุญาตตัดไม้พะยูงที่ยืนต้นตาย และมีเหตุคนร้ายมาลักลอบตัด จากนั้นมีการแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง และเจ้าหน้าที่ธนารักษ์มาตรวจ ต่อมาตัดไม้พะยูงที่เหลือจากการลักขโมยเป็นท่อนๆ โดยนำมาเก็บรักษาไว้ในห้องประชุมนี้ แต่พอเข้ามาดูเท่านั้น ทุกคนต่างตกใจแทบช็อค เพราะไม้พะยูง 17 ท่อนที่เคยเก็บไว้ไม่เหลืออยู่เลย เพิ่งจะรู้ความจริงในวันนี้ว่าไม้พะยูงทั้งหมด ถูกธนารักษ์ขายทอดตลาดไปหมดแล้ว