พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ระยะที่ 2
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ระยะที่ 2
วันนี้ (11 ก.ย.66) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดีและการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ โฮเทล ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โดยครั้งนี้เป็นการอบรมในระยะที่ 2 ต่อจากระยะที่ 1 ซึ่งอบรมไปแล้ว 5 รุ่น โดยในครั้งนี้มีข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนและสอบสวนในระดับรองสารวัตรถึงระดับสารวัตร จากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 120 นาย เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 ก.ย.66
การสัมมนาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากผลการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้มีแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน พ.ศ.2565 ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และยึดหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-Centric) โดยครั้งนี้ได้ขยายการอบรมเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการอบรมมากยิ่งขึ้น โดยจากนี้จะมีแผนการจัดอบรมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปฏิบัติเข้ารับการอบรมพัฒนาศักยภาพให้ได้มากที่สุด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการจัดการฝึกอบรมในระยะที่ 1 ไปแล้วจำนวน 5 รุ่น ครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีโอกาสในการจัดฝึกอบรมเพิ่มเติมอีกในระยะที่ 2 ซึ่งการอบรมนี้ถือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติซึ่งจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิบัติในกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะใช้ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การสัมมนานี้จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลูกฝังหลักการในการทำงานโดยการยึดหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง เพิ่มความชำนาญในการประสานงานร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการยกระดับการทำงานของการช่วยเหลือผู้เสียหายและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ไปสู่ระดับสากล หลังจากนี้จะพัฒนาหลักสูตรและจัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติให้ได้มากยิ่งขึ้น