กาฬสินธุ์-อึ้ง!! ธนารักษ์-สพป เขต 2 ค้าไม้พะยูงพาณิชย์ชี้ผิดกฏหมายในพื้นที่ไม่มีการให้อนุญาตจดทะเบียนซื้อขาย
กาฬสินธุ์-อึ้ง!! ธนารักษ์-สพป เขต 2 ค้าไม้พะยูงพาณิชย์ชี้ผิดกฏหมายในพื้นที่ไม่มีการให้อนุญาตจดทะเบียนซื้อขาย
พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ เผยการซื้อขายต้นไม้พะยูงในพื้นที่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวข้องรองรับ ชี้ไม่เคยอนุญาตให้แจ้งจดทะเบียนซื้อขาย หากอ้างว่าได้รับอนุญาตซื้อขายไม้ในเชิงธุรกิจการค้าถูกต้อง เข้าข่ายลวงโลก ขณะที่พลเมืองดีแจ้งเบาะแสการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนเข้ามาเรื่อยๆ แต่คดีไม้พะยูงหายและตัดไม้ในโรงเรียนยังไม่คลี่คลาย สังคมกำลังจับตาการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.-ป.ป.ท. และชาวบ้านสงสัยไม่รู้จะเป็นมวยล้มหรือเปล่า
จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไร้ร่องรอย เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ส.ค.66 ที่ผ่านมา การตรวจสอบมีบุคคลของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง 8 ราย และยังมีปัญหาการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ที่ให้นายหน้าเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียนถึง 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ราคา 153,000 บาท ซึ่งมีราคาต่ำกว่าราคาตลาด 28-56 เท่าตัว โดยเรื่องนี้ จังหวัดได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.- ส.ต.ง.-ป.ป.ท. เอาผิดทางวินัย แพ่ง อาญา ล่าสุด ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งคณะไต่สวนจัดชุดใหญ่ ตรวจสำนวนตำรวจ ขณะที่ชาวบ้านที่รักษ์ผืนป่าทยอยส่งหลักฐาน การประมูลไม้พะยูงขายหลายแห่งโดยปรากฏ ที่โรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก และที่โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการพิจารณากฎ ระเบียบ ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม เกี่ยวกับการตัดไม้ แปรรูปไม้ รวมถึงการจำหน่ายซื้อขายไม้หลายฉบับ เทียบเคียงกับกรณีลักลอบตัดไม้พะยูงที่เทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด และหลายแห่ง รวมทั้งกรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 และธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ อนุญาตให้มีการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยา โรงเรียนหนองโนวิทยาคมนั้น พบว่าการตัดไม้เป็นการฝ่าฝืน ละเมิดคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด และกฎกระทรวงบางฉบับ ที่ว่าด้วยการตัดไม้หวงห้าม เช่น ไม้พะยูง และไม้เศรษฐกิจอื่นๆ ล่าสุดจากการศึกษากฎหมายพาณิชย์ ที่เกี่ยวเนื่องการการค้าขายไม้ ยังพบว่าแม้แต่ในส่วนของ พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ยังไม่อนุญาตให้มีการซื้อขาย นำเข้า และส่งออกไม้แต่อย่างใด
ด้านนายวีระพงศ์ สืบค้า พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของการประกอบธุรกิจโดยทั่วไป เช่น บริษัท ห้างร้าน การประกอบการ ให้บริการ ในเชิงการค้า การพาณิชย์ต่างๆ ทั้งแบบบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล รูปแบบบริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการจะต้องยื่นจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเทศบาลตำบล ที่ตั้งสถานประกอบการ ซึ่งประเภทหรือลักษณะการประกอบการ ต้องมีความชอบธรรม มีกฎ ข้อห้าม ให้ปฏิบัติ เช่น มีมาตรการห้ามซื้อขาย ส่งออก สินค้าบางประเภทไม้ ทราย วัตถุโบราณ
นายวีระพงศ์กล่าวอีกว่าสำหรับสินค้า ที่เป็นผลิตภัณฑ์ หรือผลผลิตจากภาคเกษตร อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ผลไม้ เสื้อผ้า อาหาร ผู้จดทะเบียนประกอบธุรกิจ สามารถนำเข้า ส่งออกได้ ตามวัตถุประสงค์ของการยื่นจดทะเบียน แต่สำหรับไม้พะยูง หรือไม้ทุกประเภทนั้น ที่ทราบจากข่าวสารว่ามีการซื้อขายกันทั่วไป และในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น สำนักงานพาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ไม่เคยอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายใด จดทะเบียนเป็นผู้ซื้อไม้ หรือผู้ขายไม้ เพราะการซื้อขายไม้พะยูงไม่มีกฎหมายเกี่ยวข้อง ส่วนที่พบเห็นมีการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ หรือธุรกิจเกี่ยวกับไม้ เป็นในส่วนของกรมป่าไม้ควบคุม แต่หากเป็นในส่วนการค้าขายไม้ ไม่ว่าจะเป็นไม้พะยูง หรือไม้ประเภทต่างๆในเชิงพาณิชย์ หรือที่ถูกต้องตามกฎหมาย พาณิชย์จังหวัดไม่เคยให้อนุญาต แต่เท่าที่ทราบ อาจจะมีบ้างในบางจังหวัดชายแดน แต่ต้องไปยื่นขออนุญาตที่กระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม จากความเห็นของนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสอดคล้องกับนายวีระพงศ์ สืบค้า พาณิชย์ จ.กาฬสินธุ์ ประมวลเป็นข้อเท็จจริงได้ว่า กรณีมีการซื้อขายไม้พะยูงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพราะการที่บุคคลใครจะทำมาค้าจะขาย ประกอบธุรกิจ หาประโยชน์บนแผ่นดิน โดยเฉพาะในพื้นที่หลวง จึงจะต้องจดทะเบียนกับส่วนราชการที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ประกอบการมีการเสียภาษีหรือค่าภาคหลวงตามระเบียบ ดังนั้น เหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับลักลอบตัด ให้อนุญาตตัด รวมถึงซื้อขายไม้ที่ผ่านมา เชื่อว่ามีการใช้ช่องว่างทางกฎหมาย หากมีการกล่าวอ้างว่าซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นการหลอกลวงสังคม
ทั้งนี้ ชาวบ้านผู้รักความถูกต้อง เป็นธรรม หวงแหนธรรมชาติ ป่าไม้ จึงอยากเรียกร้องไปถึงรัฐบาล มีมาตรการขั้นเด็ดขาด เอาจริงเอาจังกับขบวนการค้าไม้ภายในประเทศและนายทุนข้ามชาติ ในการที่จะมีการซื้อขาย ส่งออก ถูกต้องตามกฎหมายจริงๆ จะต้องมีการจดทะเบียนกับพาณิชย์ มีการประสานงานของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ป่าไม้ ตำรวจ ท้องถิ่น พาณิชย์ รวมทั้งศุลกากร หรือตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้การปฏิบัติ เป็นแนวทางเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาเหมือนต่างฝ่ายต่างถือกฎหมายคนละฉบับ ปัญหาจึงเกิดขึ้นบ่อย สูญเสียทรัพยากรป่าไม้ไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่กับเรื่องคดีไม้พะยูงหายและอนุญาตตัดไม้ในโรงเรียน ที่เกิดขึ้นใน จ.กาฬสินธุ์ และยังมีชาวบ้านแจ้งเบาะแสเข้ามาเรื่อยๆ คดียังไม่คลี่คลาย ไม่รู้จะเป็นมวยล้มหรือเปล่า สังคมกำลังจับตาการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.-ป.ป.ท. และชาวบ้านรอคำตอบอยู่