ขอนแก่น-“รพ.ขอนแก่น” ท้าพิสูจน์อาคารกำจัดขยะติดเชื้อ ยันปลอดภัย ชี้ถูกกลั่นแกล้ง
ขอนแก่น-“รพ.ขอนแก่น” ท้าพิสูจน์อาคารกำจัดขยะติดเชื้อ ยันปลอดภัย ชี้ถูกกลั่นแกล้ง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ยืนยันอาคารกำจัดขยะติดเชื้อปลอดภัยไร้สารเคมีพอตรวจสอบแล้วถูกต้องได้มาตรฐานทั้งหมด กลับบิดเบือนข้อมูลจากปลอดภัยเป็นเกินค่ามาตรฐาน ที่กรมอนามัยกำหนดใช้กระบวนการตรวจสอบที่ไม่มีความยุติธรรมไม่น่าเชื่อถือ พร้อมท้าพิสูจน์จากหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่กรมอนามัย ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงมาตรวจสอบ ยินดีออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าต่อกรณีที่ เทศบาลนครขอนแก่น เผยถึงผลการตรวจของกรมอนามัยในการตรวจสอบการกำจัดขยะติดเชื้อของ รพ.ขอนแก่น สรุป 3 ประเด็นหลัก ว่า รพ.ขอนแก่น ยังไม่ปฏิบัติตามที่กฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2545 และกลิ่นรบกวนในระดับ 4-5 ต้องหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้กลิ่นที่ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นอากาศหายใจ และผลจากการใช้เครื่องมือตรวจวัดความเข้มข้นกลิ่น พบเกินเกณฑ์มาตรฐาน และพบสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายและสารอะโครลีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้พักอาศัยใกล้เคียง และเทศบาลนครขอนแก่น จะจัดการกับขยะติดเชื้อของรพ.ขอนแก่นเองนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา15.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ที่ห้องประชุมแก่นทอง ชั้น 3 อาคารสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โรงพยาบาลขอนแก่น ตามที่มีข่าวเผยแพร่สื่อโซเชียลกล่าวหาโรงพยาบาลขอนแก่นให้ได้รับความเสียหาย ในทำนองว่าดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อมีปัญหาต่างๆนั้น โรงพยาบาลขอนแก่นขอชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแนบเอกสาร ต่อคณะสื่อมวลชน ที่มาร่วมฟังคำชี้แจง ระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของโรงพยาบาลขอนแก่น นั้น
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ (หมอฉิก) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า รพ.ขอนแก่น ทราบเรื่องเจ้าหน้าที่กรมอนามัยมาตรวจสอบที่กำจัดขยะติดเชื้อของรพ.ขอนแก่น จากเทศบาลนครขอนแก่น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงจะทำหนังสือแจ้งข้อสังเกตุที่พบจากโรงพยาบาลให้กับทางนายกเทศมนตรีเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อทราบและเพื่อทำความเข้าใจจากข้อสังเกตที่พบ คือผลการตรวจไม่เป็นน่าเชื่อถือ ไม่เป็นที่ยอมรับและน่าจะมีอคติ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่าดังนั้นโรงพยาบาลพร้อมที่จะให้เทศบาลมาตรวจสอบ ให้เป็นไปตามมาตรฐานในระดับอุตสาหกรรมหรือมาตรฐานที่เป็นการยอมรับในระดับสากล โรงพยาบาลยินดีออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และพร้อมที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสังเกตและให้คำแนะนำ เพราะโรงพยาบาลมั่นใจระบบที่ทำนี้ เป็นระบบที่ทำอย่างถูกต้อง ส่วนเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อถือ คือการเอาอาคารบำบัดนี้ มาเทียบเคียงกับอาคารสาธารณะไม่ได้ เพราะลักษณะสำคัญของอาคารสาธารณะ คืออาคารที่มีลักษณะปิดทึบและเป็นที่รวมของชุมชนรวมถึงเป็นระบบที่มีการระบายอากาศ มีเครื่องปรับอากาศ และโรงพยาบาลยังจะดำเนินการกำจัดขยะฆ่าเชื้อต่อไป เพราะยังไม่มีการสั่งการอะไรมาจากเทศบาลนครขอนแก่น เราจึงจะดำเนินการต่อ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าการที่กรรมการตรวจสอบมาวัดจุดต่างๆซึ่งไม่ได้เข้าข่ายทั้ง 3 ประการ และจะนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ และยังมั่นใจว่าการตรวจวัดไม่น่าเกินตามค่าที่ยอมรับได้ ถึงแม้จะตรวจในที่ตรงนั้น เพราะมีการระบายอากาศเป็นอย่างดี ทั้งยังจะล็อคเป็นช่วงเวลา ไม่ได้เปรียบเทียบเหมือนร้านไก่ย่างที่จะไปวัดช่วงเวลาที่กำลังทำอาหารอย่างเดียวไม่ได้ ต้องวัดตลอด 8 ชั่วโมงว่าค่ามันเกินหรือไม่ เพราะฉะนั้นการตรวจวัดจะต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ห้ามเลือกปฏิบัติแล้วมาบอกว่าระบบปฏิบัติแบบนี้ และสิ่งที่มาตรวจนั้น ควรจะตรวจในอาคารสาธารณะมากกว่าโรงพยาบาล
การ จัดการมูลฝอยติดเชื้อของโรงพยาบาลขอนแก่นนี้เป็นระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อโดยใช้วิธีการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ โดย “วิธีการทำลายเชื้อด้วยไอน้ำ”ซึ่งเป็นไปตามข้อ 25( 2) แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อพ.ศ 2545 ที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขซึ่งให้ไว้ณวันที่ 25 กรกฎาคม 2545 (มิใช่การเผาตามข้อ 25 ( 1 )ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
อีกทั้งโรงพยาบาลขอนแก่น ประสงค์จะดำเนินการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อด้วยตนเอง โดย”วิธีการทำลายเชื้อด้วยไอน้ำ” จึงดำเนินตามขั้นตอนตามข้อที่ 6 ข้อที่ 25 (2) ข้อที่ 27 และข้อที่ 28 ตลอดจนดำเนินการทั้งด้านการเก็บการขนการกำจัดอื่นๆที่เกี่ยวข้องแห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อพ.ศ 2545 ทุกประการ โดยโรงพยาบาลขอนแก่น ได้ดำเนินการแจ้งให้เทศบาลนครขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจสอบระบบกำจัดข้อมูลติดเชื้อเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
“จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นโรงพยาบาลขอนแก่นถือว่าได้รับความเสียหายจากผู้ไม่ประสงค์ดีซึ่งจะได้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ทำให้โรงพยาบาลขอนแก่นได้รับความเสียหายต่อไป”นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว.