23/11/2024

ความคืบหน้าครอบครัวหัวร้อน ตั้งวงเหล้าเสียงดังด่าตำรวจหยาบ ล่าสุดขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ถูกตำรวจออกหมายเรียกพร้อมแจ้ง 6 ข้อกล่าวหา

ความคืบหน้าครอบครัวหัวร้อน ตั้งวงเหล้าเสียงดังด่าตำรวจหยาบ ล่าสุดขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ถูกตำรวจออกหมายเรียกพร้อมแจ้ง 6 ข้อกล่าวหา

วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีที่มีคลิปตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ บันทึกคลิปวีดีโอระหว่างเข้าระงับเหตุวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้กับชาวบ้านในซอย จึงมีการโทรไปร้องเรียนที่ 191 แต่เมื่อสายตรวจไปถึง พบกับครอบครัวหัวร้อนกร่างใส่ ท้าตำรวจต่อยตัวต่อตัว อ้างบอกเป็นครอบครัวนายตำรวจ รู้จักคนใหญ่คนโต ถ้าไม่กลับไปเดี๋ยวเจอดี และยังบอกว่าสงสัยเป็นตำรวจใหม่ ไม่รู้จักคนในบ้านหลังนี้ ที่มีพี่น้องและคนครอบครัวเป็นนายตำรวจใหญ่ ส่วนตำรวจสายตรวจก็พยายามขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมถอยออกจากบ้านที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังถูกว่ากล่าวทำนองดูหมิ่นการทำหน้าที่ ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลง ในโซเชียล มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ล่าสุดทางด้าน พลตํารวจตรี พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จากที่ได้รับแจ้งจาก พันตํารวจเอกนพดล ช่างเรือน ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กรณีมีคลิปการระงับเหตุ ของเจ้าหน้าที่ตํารวจในสื่อมวลชนต่างๆ เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 22.26 น. ศูนย์วิทยุ 191 สมุทรปราการ แจ้งมายังศูนย์วิทยุสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ว่ามี ประชาชนแจ้งเหตุ เปิดเพลงส่งเสียงดัง บริเวณร้านอาหารใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศรีนครินทร์ จึงแจ้ง ให้เจ้าหน้าที่ตํารวจเดินทางตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยมีสิบตํารวจตรีสุรวีร์ วีระชาติผู้บังคับหมู่งาน ป้องกันปราบปราม สถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจทรัพย์บุญชัย เดินทาง ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว
เมื่อเดินทางถึงบริเวณสถานที่รับแจ้งเหตุดังกล่าว พบว่าเป็นร้านอาหารมีการเปิดเพลงส่งเสียงดัง จริง จึงได้ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มประชาชนที่เปิดเพลงส่งเสียงดังให้ลดเสียงลง และเลิกการกระทําที่ก่อ ความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ภายในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่ เป็นจํานวนมาก
ต่อมา กลุ่มประชาชนดังกล่าว ได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ ใช้คําพูดใน ลักษณะดูหมิ่น ใช้กําลังผลัก และตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ตํารวจให้ออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เข้าระงับเหตุ ได้เดินทางออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ได้รวบรวม หลักฐานคลิปวิดีโอ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบเหตุดังกล่าว แจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อ ดําเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตามคลิปดังกล่าวรวม 6 คน โดยแจ้งดําเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานี ตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ จํานวน 6 ข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติ ตามหน้าที่โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,139 และมาตรา 140 ตั้งแต่สามคนข้ึนไป ผู้กระทําต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 2.ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กําลัง ประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สาม คนข้ึนไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,138 วรรค 2 และมาตรา 140 3.ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทําการตามหน้าท่ี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,136 โทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 4.ร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,391 โทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ 5.ร่วมกันเปิดเพลงเสียงดัง ทําให้เกิดเสียงหรือเกิดความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จน ทําให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนด้วยการเปิดเพลงเสียงดังในสถานท่ีเกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,370 โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท 6.ร่วมกันกระทําประการใดๆต่อผู้อื่นอันเป็นการข่มเหง คุกคาม หรือกระทําให้ได้รับความ อับอายหรือเดือดร้อนรําคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,397 โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีกระทํา ในที่สาธารณะ โทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
และได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 โดยกลุ่มผู้ต้องหาแจ้งจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ ในการเข้าระงับเหตุครั้ง ที่เจ้าหน้าที่ตํารวจได้กระทําการตามหลักกฎหมายและหลักยุทธวิธี ในการเดินทางตรวจสอบเหตุ รวมทั้ง ประเมินสถานการณ์เหตุการณ์ และยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น จากเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างถึงที่สุดและปฏิบัติตามขั้นตอนและหลักยุทธวิธี ในการใช้ กําลัง เพื่อไม่ให้เกิดที่รุนแรงมากขึ้น ในส่วนของประชาชน เจ้าหน้าที่ตํารวจมีความห่วงใย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ผู้กระทําความผิด ให้ตระหนักถึงกรอบของกฎหมาย หากมีการกระทําความผิดจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายกําหนด
พันตํารวจเอกนพดล ช่างเรือน ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าอีกฝ่ายผู้ต้องหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ขอให้ใช้สิทธ์ตามกฎหมายได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนสิบตํารวจตรีสุรวีร์ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือโกรธเคืองกับกลุ่มผู้เสียหายมาก่อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. และ ผบ.ตร. ก็กล่าวชื่มชมในการทำงานมาด้วย ส่วนการทำงานของ สิบตํารวจตรีสุรวีร์ ที่ผ่านมาก็เป็นคนที่ทำงานดีและขยันอดทนมาตลอด

เรื่องราวที่คุณอาจพลาดไป