กาฬสินธุ์-ผวาอิทธิพลมอดไม้พะยูง “ทต.อิตื้อ” ผู้ใหญ่บ้านเบื่อ “ตร.” โยงสอบ พูดไม่เพราะ เชิงข่มขู่ ชี้เป้าขบวนการใหญ่
กาฬสินธุ์-ผวาอิทธิพลมอดไม้พะยูง “ทต.อิตื้อ” ผู้ใหญ่บ้านเบื่อ “ตร.” โยงสอบ พูดไม่เพราะ เชิงข่มขู่ ชี้เป้าขบวนการใหญ่
ผู้ใหญ่บ้านพยานปากเอก กลัวอิทธิพลขบวนการค้าไม้พะยูง หลังเข้าให้ปากคำและแจ้งเบาะแสขบวนการมอดไม้พะยูงมูลค่า 1 ล้านบาทหายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ เผยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูงเรียกสอบเพิ่ม แต่เชิงข่มขู่ พูดไม่เพราะ และกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย
ความคืบหน้าไม้พะยูงของกลาง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่ถูกคนร้ายลักลอบตัดจากพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ โดยขนย้ายท่อนไม้ไปจำนวนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ร่วมกับนายก ทต.อิตื้อ พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีมติให้นำไม้พะยูงส่วนที่เหลือ ไปเก็บไว้หน้าเสาธงบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หายไป เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน มีส่วนเกี่ยวข้องและทยอยเข้าให้ปากคำ แต่ยังให้การปฏิเสธ ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยเม็ก เข้าแจ้งเบาะแส นำสู่การนำตัวคนขับรถเครนเข้าสอบปากคำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง ได้กันตัวไว้เป็นพยานตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 13 สิงหาคม 2566 นายประมุข พิชัยช่วง ผู้ใหญ่บ้านคำมะโฮ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พยานกล่าวว่า ตามที่ตนในฐานะผู้นำชุมชน และเครือข่ายพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง ในฐานะพยาน เมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 12.00 -18.00 น.โดยในวันนั้นเข้าให้ปากคำ 4 คน คือตน กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 2 คนและผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งใน ต.อิตื้อ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านคนนี้เป็นคนโทรศัพท์มาหาตน เพื่อให้ช่วยติดต่อพ่อค้ามาซื้อไม้พะยูง โดยตนได้ให้การไปตามความเป็นจริง ว่าเป็นเพียงผู้ให้หมายเลขโทรศัพท์พ่อค้าซื้อไม้กับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวติดต่อกันเองเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นการขนย้ายหรือรับซื้อไม้แต่อย่างไร ซึ่งถือว่าตนให้ข้อมูลไปหมดแล้ว
นายประมุขกล่าวอีกว่า วันต่อมาได้ทราบจากข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำคนขับรถเครนคนหนึ่ง ซึ่งตนทราบจากการติดตามข่าวว่าคนขับรถเครนถูกกันตัวเป็นพยาน ในส่วนของตนก็ควรผ่านพ้นไปแล้ว แต่เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูงโทรมาหาตน โดยพูดเสียงกระชากว่า “วันอังคารที่ 15 ส.ค.66 ให้เข้ามาให้สอบปากคำอีก หากไม่มาก็จะออกหมายเรียก” เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้ตนรู้สึกว่าถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ และรู้สึกไม่สบายใจ เพราะอันที่จริงตนก็ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว จนนำมาสู่การเรียกตัวคนขับรถเครนไปสอบ แล้วทำไมต้องเรียกตนไปให้ปากคำอีก หากต้องการข้อมูลอีกก็น่าจะมาสอบถามตนที่บ้านได้ ตอนนี้ตนและลูกเมียจึงรู้สึกเครียดมาก กลัวไม่ได้รับความปลอดภัย
นายประมุขกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็นขบวนการตัดไม้และขนย้ายไม้ ที่ไปให้ปากคำเพราะพอจะรู้เบาะแสบุคคลในวงการค้าขายไม้พะยูงในพื้นที่ และในพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น ส่วนที่เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนและสรุปสำนวนอย่างไรก็เป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ ตนไม่ทราบ แต่ที่ตนไม่สบายใจคือทำไมต้องเรียกตนไปสอบปากคำเพิ่ม และใช้คำพูดที่ฟังดูแล้วเชิงบังคับ ไม่มีหางเสียง อยากได้ดังใจ อย่างไรก็ตาม จากคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว และเหตุการณ์ไม้พะยูงของกลางหาย ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เชื่อว่ามีขบวนการค้าไม้พะยูงและเป็นผู้มีอิทธิพล ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการข้อมูลอีก ตนก็ยินดีที่จะให้ข้อมูล ซึ่งก็คงจะเป็นข้อมูลเดิมอย่างที่เคยให้ไป แต่อยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาสอบถามตนที่บ้าน เพราะตนไม่อยากไปสภ.โนนสูงเลย เนื่องจากกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย