กาฬสินธุ์-จับไทม์ไลน์ไม้พะยูงหายแฉ “นายมาเอาไปแล้ว” สอบเข้มคนขับรถเครนรับจ้าง
กาฬสินธุ์-จับไทม์ไลน์ไม้พะยูงหายแฉ “นายมาเอาไปแล้ว” สอบเข้มคนขับรถเครนรับจ้าง
เจ้าหน้าที่ชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับชุดสืบ สภ.โนนสูง อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ไล่จับไทม์ไลน์ขบวนการมอดไม้ขนย้ายไม้พะยูง มูลค่า 1 ล้านบาทหายไปจากหน้าเสาธง บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ ล่าสุดเผยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนประสานหาคนมารับซื้อ ขณะที่เจ้าของรถเครนถูกเจ้าหน้าที่เค้นสอบเข้าพบตำรวจ อ้างเข้าใจว่าซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย และตามมติของคณะกรรมการตำบลอิตื้อ ด้านเจ้าหน้าที่ชุดสืบยังเกาะติดพื้นที่ควานหาคนผิดมารับโทษต่อไป
ความคืบหน้าไม้พะยูงของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่ถูกลักลอบตัดจากพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนนำไปเก็บไว้หน้าเสาธง บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์หายไป เบื้องต้นพบมีเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และทยอยเข้าสอบปากคำ แต่ยังให้การภาคเสธ
ล่าสุดวันที่ 11 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับชุดสืบ สภ.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังคงไล่จับไทม์ไลน์ขบวนการมอดไม้ขนย้ายไม้พะยูง มูลค่า 1 ล้านบาทหายไป ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งถึงวันนี้ยังไม่สามารถได้ตัวผู้ต้องหา ขณะที่ผู้ต้องสงสัย ซึ่งมีพยานยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เบื้องต้นล่าสุดพบว่ามี ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และผู้นำชุมชนซึ่งถูกเรียกตัวเข้าสอบปากคำทั้ง 6 คนแล้ว แต่ยังให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ นายประมุข พิชัยช่วง ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้นำชุมชนและเป็นเครือข่ายพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ หลังจากทราบว่ามีการขนย้ายไม้ออกจากบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้ออย่างผิดกฎหมาย และเป็นข่าวดังมาหลายวัน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งเบาะแสกับพนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกัน โดยมีผู้เข้าปากคำในวันเดียวกัน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 2 คน และผู้นำชุมชน 4 คน
นายประมุขกล่าวว่า ประมาณปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการประสานจากผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง ใน ต.อิตื้อว่าตนรู้จักคนซื้อไม้พะยูงหรือไม่ หากรู้จักก็ช่วยปะสานงานให้ด้วย ตนจึงตอบว่าพอจะรู้จัก แต่ไม้ที่ซื้อต้องถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น จึงได้ฝากเบอร์โทรให้ติดต่อกันเอง ซึ่งวันต่อมาตนก็ทราบจากผู้ใหญ่บ้านคนเดิมว่า พ่อค้าซื้อไม้ที่ตนติดต่อให้ เขามาดูไม้แล้ว โดยตีราคารับซื้อไม้เพียง 2 แสนบาทเท่านั้น เพราะจะต้องกันเงินจำนวนหนึ่งสำหรับค่าดำเนินการอื่นๆในการขนย้ายไม้ โดยจะเข้ามาประมูลในวันจันทร์ที่ 7 ส.ค.กับเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของไม้ ทั้งนี้ได้มีการประสานกันเบื้องต้นไว้แค่นั้น
นายประมุข กล่าวอีกว่า พอถึงวันที่ 5 ส.ค.66 เวลาประมาณ 15.00 น. ผู้ใหญ่บ้านที่ตนติดต่อคนดังกล่าว ก็ได้โทรศัพท์มาแจ้งกับตนว่า ให้บอกพ่อค้ารับซื้อไม้ที่ตนติดต่อให้ด้วยว่า ไม่ต้องมาประมูลไม้แล้วนะ เพราะไม้พะยูงกองนี้ “นายจะมาเอาไปแล้วครับ” ราคา 3 แสนบาท ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่านายคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่ได้ติดใจอะไร ไม่เป็นไรขายแล้วก็ขายไป เพราะตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร ในขณะที่พ่อค้าที่จะมาซื้อไม้นั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ได้โทรมาแจ้งกับตนว่า ในคืนวันที่ 5 ส.ค.เวลาประมาณ 20.00 น. เขาได้ขับรถผ่านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ และเห็นประตูเปิดไว้อยู่ รู้สึกผิดสังเกต แต่ก็ดูไม่ถนัดว่าตอนนั้นไม้พะยูงยังอยู่หรือไม่ ตนจึงตอบไปว่าคงเปิดประตู รอนายมาเอาไม้กระมัง ซึ่งก็ไม่คิดติดใจอะไร กระทั่งมารู้ในวันที่ 7 ส.ค.ว่าไม้หายไปดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนแนวทางสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และชุดสืบ สภ.โนนสูง อ.ยางตลาด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก ภ.จว.กาฬสินธุ์ และ พ.ต.อ.อิทธิกร อุ่นประกอ ผกก.สภ.โนนสูง ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กระทั่งกดดันผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคน ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้นำชุมชน เข้ามาให้ปากคำ ซึ่งให้การปฏิเสธ ล่าสุด ได้มีคนขับรถเครนเข้ามาให้ปากคำ โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สอบเครียดครึ่งวัน ซึ่งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ทั้งนี้ คนขับรถเครนคนดังกล่าวอ้างว่า มีคนจ้างวานให้มาขนย้ายไม้ นึกว่าซื้อขายถูกต้องตามกฎหมาย และตามมติของคณะกรรมการตำบลอิตื้อ โดยขนย้ายจากบริเวณหน้าเสาธงหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ ก่อนที่จะนำไปส่งให้กับรถอีกคันหนึ่งมารับที่กลางดงระแนง ซึ่งเจ้าที่หน้าที่ได้กันตัวไว้เป็นพยาน และจะได้ติดตามไทม์ไลน์รถที่ขนย้ายไม้พะยูงต่อไป