28/12/2024

ตำรวจไซเบอร์เตือน ถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมแล้วนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เสี่ยงผิดกฎหมายหลายบท

CAB5310F-4E67-4BB1-8EAE-D3F5BA77E61C

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีนักแสดงหญิงชื่อดังถูกผู้ไม่หวังดีแอบถ่ายภาพ และคลิปวิดีโอในพื้นที่ส่วนบุคคล แล้วนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งมีการข่มขู่เรียกรับทรัพย์สิน โดยหากไม่ดำเนินการจะนำภาพและคลิปวิดีโอดังกล่าวไปเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ กระทั่งภาพ และคลิปวิดีโอของบุคคลดังกล่าวถูกโพสต์ หรือถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในเวลาต่อมานั้น

การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ รีดเอาทรัพย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 338 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท, กระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ตาม ป.อาญา มาตรา 397 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือหากมีการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง

หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ก็จะเป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตาม ป.อาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือหากภาพถ่าย หรือคลิปวิดีโอถูกนำไปตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 16 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ” นอกจากนี้แล้วยังอาจจะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีทั้งโทษทางอาญา โทษทางแพ่ง และโทษทางปกครอง อีกด้วย

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือนำเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าว ผู้กระทำอาจจะมีความผิดตามกฎหมายหลายบท มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และปรับสูงสุด 200,000 บาท ขอให้ประชาชนพึงระมัดระวังการถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอ ในที่สาธรณะแล้วติดบุคคลอื่น หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จะถือว่าเข้าข่ายมีความผิดกฎหมายตามที่ได้กล่าวมา โดยการกระทำนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลในภาพเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายในภายหลัง เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ หรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นต้น

เรื่องราวที่คุณอาจพลาดไป