กาฬสินธุ์ชาวบ้านดีใจขยายถนนเลียบคลองวอนขอเดินหน้าสร้างตลอดสาย

   นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายกฤษดา ธีระชวาลวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์  และคณะลงพื้นที่ติดตามการใช้ประโยชน์ของประชาชน และความคืบหน้าการก่อสร้างถนนสาย กส.2060 หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งมีการขยายถนนตั้งแต่แยกทางหลวง 12 จากเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ไปยังพื้นที่ตำบลลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ระยะทาง 5 กม.

โดยนายดวง ฉายอำไพ อายุ 60 ปี ชาวบ้านวังยูง ต.ลำพาน จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวชาวบ้านเรียกว่าถนนเลียบคลองชลประทาน มีระยะทางประมาณ 10 กม.มีประชาชนหลายตำบล และหลายอำเภอใช้สัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก  แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากถนนแคบ มีทางโค้งอันตรายหลายจุด และไม่มีไหล่ทาง ซึ่งการก่อสร้างขยายถนนครั้งนี้ชาวบ้านดีใจมาก  และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดันลงมา เพราะถือว่าเกิดประโยชน์ และจะทำให้การสัญจรไปมาสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งผลิตผลทางการเกษตร

นายดวง กล่าวอีกว่า ทราบว่าการก่อสร้างครั้งนี้ทำเพียงครึ่งเดียว หรือประมาณ 5 กม.จากระยะทางยาวทั้งหมด 10 กม.ดังนั้นอยากฝากถึงหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการสานต่อหรือผลักดันให้โครงการดังกล่าวก่อสร้างขยายถนนให้สุดตลอดเส้นทางด้วย เพราะโครงการดังกล่าวเกิดประโยชน์กับชาวบ้านจริงๆ

ด้านนายวิรัช พิมพะนิตย์  ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถนนสายนี้มีประชาชนสัญจรผ่านมาจำนวนมาก เชื่อมจากเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ผ่านตำบลลำพาน เชื่อมไปยังเขื่อนลำปาวและอีกหลายอำเภอ แต่สภาพถนนแคบ ประกอบกับอีกฝั่งเป็นคลองส่งน้ำ ทำให้ประชาชนสัญจรไปมาลำบาก ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานทางหลวงที่ 16 และแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ก็ได้ประสานงานกันดำเนินการก่อสร้างขายถนนสายดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก แต่ก็ได้งบประมาณมาก่อสร้างเพียงครึ่งเดียว ยังเหลือระยะทางอีก 5 กม.ดังนั้นตนในฐาน ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 ก็อยากจะนำความต้องการของประชาชน และนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับประชาชนต่อไป

นายกฤษดา ธีระชวาลวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์  กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นก่อสร้าง โดยการขยายถนนสายกส.2060 แยกทล.12 บ้านโคกก่อง -อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ระยะทางก่อสร้าง 5.3 กม.งบประมาณ 57,889,000 บาท เริ่มสัญญา 15 ธันวาคม 2565 สิ้นสุดสัญญา 11 สิงหาคม 2566 ปัจจุบันดำเนินการได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนจะแล้วเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์

นายกฤษดา กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นการก่อสร้างช่วยแก้ปัญหากับประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาให้สะดวกและมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะมีการขยายไหล่เป็นจากเดิม 6 เมตร เป็น 12 เมตร ซึ่งถนนสายนี้มีระยะทางยาวประมาณ 10 กม.ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้ว 5 กม.เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอแผนจัดทำโครงการไปยังส่วนกลาง เพื่อของบประมาณดำเนินการในส่วนที่เหลือ คาดว่าในปี 2567-2568 จะสามารถดำเนินแล้วเสร็จตลอดเส้นทางทั้งหมดได้