“สุนทรฟู่” ครูดีเด่นเกียรตินิยม อันดับ 1 พลิกชีวิตกลายเป็น “มิจฉาชีพ” หลอกเหยื่อนับไม่ถ้วน จนมุมสืบนครบาลในที่สุด
“สุนทรฟู่” ครูดีเด่นเกียรตินิยม อันดับ 1 พลิกชีวิตกลายเป็น “มิจฉาชีพ” หลอกเหยื่อนับไม่ถ้วน จนมุมสืบนครบาลในที่สุด
วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) ทำการจับกุม นายวิวัฒน์ วหรือ “ครูฟู่” หรือ “สุนทรฟู่” อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 518 ซ.นวมินทร์ 90 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม จ.กรุงเทพ ตาม 4 หมายจับ คือ หมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 742/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 65 หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 17/2566 ลงวันที่ 10 ม.ค. 66 หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 19/2566 ลงวันที่ 27 ม.ค. 66 หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 292/2566 ลงวันที่ 30 พ.ค. 66 ในข้อหา ““ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง
พฤติการณ์กล่าว สุนทรฟู่ หรือ “ครูฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ผู้มากความสามารถจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการสุดรุ่งถึงขั้นได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560 ซึ่งความเก่งของครูฟู่นั้นเหลือล้น จนได้รับสมยานามว่า “สุนทรฟู่”
แต่ครูฟู่พลิกผันจากครูหนุ่มอนาคตไกล เข้าสู่การเป็น “มิจฉาชีพ” เนื่องจาก “ติดการพนัน” และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูในที่สุด หลังจากพ้นจากหน้าที่แล้วเดินสาย “หลอกลวง” โดยจะหลอกลวงลักษณะกิจกรรมในแวดวงครู
โดยหลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือ หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
ล่าสุด วันที่ 3-5 ก.พ. 66 ที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน ครูฟู่เห็นช่องทาง ได้หลอก เหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมโดยอ้างตนมีที่พักให้เช่าเพื่อนให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย
ล่าสุดถึงขั้น เดินสายหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วย โดยครูฟู่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์ และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวง กลายเป็น “มิจฉาชีพ” เต็มตัว ถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ
พล.ต.ต.ธีรเดช วางแผนร่วมกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม เพื่อติดตามจับกุม พบเบาะแสเดียว คือ “ครูฟู่ เป็น LGBTQ+” จึงต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือนจนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม
กำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล ทำกาคแกะรอยและเข้าจับกุม ครูฟู่ ขณะกำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว
ชั้นจับกุม ครูฟู่ หรือนายวิวัฒน์ ให้การรับสารภาพ เปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตตนเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ หลังสำเร็จปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบ ก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 ตนเองสอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถจึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน กระทั่งได้มีเรื่องของ วงโยธวาธิต ที่มีการขอยืมเงินคุณตัน ทำให้มีเรื่องราวทำให้ตนได้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง และได้มีโอกาสแต่งบทอาสิละวาศ จนกระทั่งได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมยานามว่า สุนทรฟู่ กระทั่งในปี 2563 โรงเรียนได้มีการเปลี่ยน ผอ. โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย กระทั่ง
จนถูกตั้งกรรมการ ช่วงนั้นชีวิตเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วปิ๊งกัน และช่วงนั้นก็ติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง โดยแรกๆยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือ ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียน และครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาท ยอมรับว่ายืมเด็กๆแล้วไม่ได้คืน หลังจากนั้นเริ่มเดินสายหลอกลวง เรื่องหาที่พัก โดยได้ไอเดียหลอกลวงด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตนทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท โดยยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย
นอกจากนี้ นายวิวัฒน์ หรือ ครูฟู่ ได้แต่งกลอนแบบสดสด ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลเพื่อเตือนภัยให้กับสังคม
“ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ
ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น
หากพลาดผิดผิดไปแล้วไม่แคล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ
ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม”
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าการพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนคนนึงได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจาก ผู้ประสาทวิชา กลายเป็น มิจฉาชีพ ได้แบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้ จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา
//