24/11/2024

ชลบุรี-ตร.บางละมุงแกะรอยเฟซบุ๊ก รวบโจรบุกเดี่ยวงัดร้านคาเฟ่ ยกเค้าอุปกรณ์ชงกาแฟ

ชลบุรี-ตร.บางละมุงแกะรอยเฟซบุ๊ก รวบโจรบุกเดี่ยวงัดร้านคาเฟ่ ยกเค้าอุปกรณ์ชงกาแฟ

วันที่ 13 ก.ค. พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมพร สุ่มมาตย์ สว.สส. ได้นำกำลังชุดสืบสวน จับกุมตัวนายเริงฤทธิ์ หรือเวฟ จีนประชา อายุ 22 ปี ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 149/8 ม.13 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

พร้อมด้วยของกลางหลายรายการประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือไอโฟน คีมตัดเหล็ก ไขควง ค้อน หมวกันน็อค กระเป๋าสพาย เสื้อผ้ารองเท้า รวมถึงอุปกรณ์การขายกาแฟสด อาทิเช่น เครื่องสกัดกาแฟ เครื่องบดกาแฟ กาน้ำร้อน แก้วน้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ

พ.ต.อ.นาวิน ผกก.สภ.บางละมุง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนรับแจ้งเหตุลักทรัพย์ ภายในร้านกาแฟ บ้านทุ่งกราด ม.5 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงประสานงานฝ่ายสืบสวน ร่วมกันไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบ น.ส.พิมพ์ชนก (ผู้เสียหาย) อายุ 25 ปี แจ้งว่าร้านกาแฟของตนถูกคนร้ายลักเอาทรัพย์สินไปหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท จากการตรวจสอบ พบร่องรอยการถูกงัดแงะ ตัดหูคล้องแม่กุญแจ ที่บริเวณประตูหลังร้านกาแฟและพบร่องรอยการถูกลักทรัพย์ มีทรัพย์สินที่สูญหาย

บริเวณข้างร้านมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ โดยคนร้ายเป็นชายสวมใส่หมวกกันน็อค เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สะพายกระเป๋า ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา ลักเอาทรัพย์สินภายในร้านและหลบหนีไป

ต่อมา ชุดสืบสวน ได้สืบทราบว่ามีผู้ใช้เฟชบุ๊ค ชื่อ “เต๋า กิตติธัช” ประกาศขายเครื่องบดกาแฟ รุ่น S70 13 ในราคา 8,500 บาท ผ่าน “กลุ่มซื้อ-ขายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์มือสองทั่วไทย” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงขยายผลสืบทราบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าวพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 149/8 ม.11 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายเริงฤทธิ์ หรือเวฟ จีนประชา เดินออกมาจากบ้าน

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแสดงท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย และพยายามจะหลบหนี ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อขอทำการตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือไอโฟน อยู่ที่กระเป๋ากางเกงของนายเริงฤทธิ์ และพบว่าขณะนั้นมีการล็อกอินบัญชีเฟซบุ๊ค ชื่อ “เต๋า กิตติธัช” อยู่ขณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจสอบ ซึ่งตรงตามกับที่มีการโพสต์ขายเครื่องบดกาแฟที่ถูกขโมยไป จึงสอบถาม โดยนายเริงฤทธิ์ ยอมรับว่าบัญชีเฟซบุ๊คดังกล่าวเป็นของตนจริง และตนเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ที่เข้าไปลักทรัพย์ในร้านกาแฟจริง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้พา นายเริงฤทธิ์ เข้าไปตรวจค้นที่ภายในบ้านพัก พบของกลางที่เหลือทั้งหมดซุกซ่อนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว อีกทั้งผู้เสียหายที่ติดตามมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จำได้ว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนจริง และชี้ยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดของกลางไว้เพื่อตรวจสอบ พร้อมควบคุมตัวนายเริงฤทธิ์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินคดีโดยกล่าวหาว่า ” ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้า ไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร”

ด้านนายเริงฤทธิ์ หรือเวฟ  ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว และยังให้การอีกว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.30น. ของวันที่ 12 ก.ค. 2566 ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมสวมใส่ชุดที่ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด ออกจากที่พักมุ่งหน้าเข้าพัทยา ก่อนมาพบเห็นร้านกาแฟดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้นเห็นว่าเป็นเวลาเปลี่ยวอีกทั้งไม่มีผู้คน จึงได้ตัดสินเข้าไปลงมือก่อเหตุ โดยได้เดินเข้าบริเวณด้านหลังร้านกาแฟผ่านกล้องวงจรปิด และใช้คีมตัดเหล็กที่เตรียมมาตัดบริเวณหูคล้องกุญแจ งัดแงะจนกะทั่งประตูเสียหาย จึงสามารถเข้าไปได้ลักเอาทรัพย์สินภายในร้านออกมา

เมื่อนำทรัพย์สินออกมาได้นำไปซุกซ่อนไว้ภายในบริเวณช่องวางเท้าของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ หลังจากได้ทรัพย์สินแล้วได้สังเกตเห็นว่าร้านดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้บริเวณข้างร้าน อาจสามารถบันทึกภาพขณะก่อเหตุไว้ได้ จึงเดินไปที่กล้องวงจรปิดตัวดังกล่าว และได้ใช้ไม้บริเวณใกล้เคียงดีที่ขากล้องวงจรปิดจนได้รับความเสียหาย และพังลงมา จึงนำกล้องวงจรปิดกลับไปด้วย และหลังจากก่อเหตุเสร็จจึงรีบขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมทรัพย์สินที่ขโมยมา พร้อมกล้องวงจรปิดมุ่งหน้ากลับไปยังที่พัก จนกะทั่งถึงสะพานข้ามคลองก่อนถึงที่พัก จึงได้นำกล้องวงจรปิดโยนทิ้งลงไปในน้ำ

พอมาถึงที่พักได้ใช้เฟซบุ๊คที่มีชื่อว่า เต๋า กิตติธัช (ซึ่งเป็นเฟชบุ๊คที่ตนปลอมแปลงขึ้นมา) ประกาศขายเครื่องบดกาแฟ รุ่น S70 13 ในราคา 8,500 บาท ผ่าน “กลุ่มซื้อขายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์มือสองทั่วไทย” และมีผู้สนใจเครื่องชงกาแฟดังกล่าว และได้พูดคุยตกลงราคากัน ในราคา 4,000 บาท ผู้สนใจคนดังกล่าวโอนเงินเข้ามาในบัญชีของตน ก่อนจะจัดส่งพัสดุให้กับผู้ซื้อ แต่สุดท้ายไม่รอดถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด