25/12/2024

แม่ฮ่องสอน-ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ยืนยันสถานการณ์สู้รบชายแดน ไม่ส่งผลกระทบต่อราษฎร์ไทย พร้อมช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยจากการสู้รบ 1407 คน ที่ข้ามมาฝั่งไทยในพื้นที่ 2 อำแภอ

71DE37DF-BE9A-487E-92E8-4A7F6E996B63

แม่ฮ่องสอน-ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ยืนยันสถานการณ์สู้รบชายแดน ไม่ส่งผลกระทบต่อราษฎร์ไทย พร้อมช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยจากการสู้รบ 1407 คน ที่ข้ามมาฝั่งไทยในพื้นที่ 2 อำแภอ
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย เมียนมา ด้านตรงข้ามอำเภอแม่สะเรียง และอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างกองกำลังทหารเมียนมาและชนกลุ่มน้อย ในรัฐคะยา โดยในเบื้องต้นสถานการณ์การสู้รบยังไม่มีผลกระทบสำหรับราษฎร์ในฝั่งประเทศไทย แต่มีผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชากะเหรี่ยง เข้ามาหลบภัยสงครามกว่า 1407 คน ในพื้นที่ตะเข็บแนวชายแดนไทยในสองอำเภอ ซึ่งเบื้องต้นฝ่ายปกครอง อำเภอแม่สะเรียง อำเภอขุนยวม หน่วยงานด้านความมั่นคง และกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท กองกำลังนเรศวร ได้จัดกำลังเข้าไปดูแลความปลอดภัยตามหลักมนุษยธรรมในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับสถานการณ์บริเวณพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 เวลา 15.00 น. ปรากฏเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองกำลังขนกลุ่มน้อย/กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา บริเวณตามแนวชายแดนในพื้นที่ ตรงข้าม ช่องทางเสาหินบ้านเสาหิน ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผลผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนปัจจุบัน ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวมียนมา ที่มีความกังวลจากสถานการณ์ในพื้นที่ ได้เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 1123 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๒ พื้นที่ ประกอบด้วย -พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านห้วยปู ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางเข้า จำนวน 1,034 คน -พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านพะเข่ ตำบลแม่กี๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางเข้าจำนวน 104 คน
ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย – เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน กองกำลังนเรศวร และฝ่ายปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการติตตามสถานการณ์ในฝั่งเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาขนไทย
นอกจากนั้น กองทัพอากาศ ได้จัดอากาศยานขึ้นบินลาดตระเวนรบ ในพื้นที่แนวขายแดน จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแตนไทย – เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัย และการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านห้วยปู ตำบลเลาหิน อำเภอแม่สะเรียง และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านพะเข่ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอชุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้ว ในการนี้ ศูนย์สั่งการขายแดนไทย – เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกแถลงการณ์ ขอแจ้งให้ทุกภาคส่วน ได้รับทราบว่า สถานการณ์ความขัดแยังที่เกิดขึ้น ด้านตรงข้ามพื้นที่ของ จังหวัดแม่ฮ่องสอน นั้น ประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ของทั้งสองฝ่ายและไม่สนับสนุนให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นพื้นที่สนับสนุนผลประโยซน์ของกลุ่มตนเอง
ในการนี้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน และทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพรให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้น จะสร้างความแตกตื่น และความหวาดกลัว ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวประจำวันของ ศูนย์สั่งการขายแตนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านต้านเมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยล่าสุด กองกำลังนเรศวร ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 36 อ.แม่สะเรียง และ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 14 มิ.ย. 66 เวลา 08.00 น. โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยมี ผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ ยอดเดิม จำนวน 1,123 คน เดินทางเข้า 284 คน คงยอดปัจจุบัน 1,407 คน บริเวณ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1) พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ.เสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ยอดเดิม 1,014 คน เดินทางเข้า 264 คน คงยอดปัจจุบัน 1,278 คน 2) พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ.พะเข่ ต.แม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ยอดเดิม 109 คน เดินทางเข้า 20 คน คงยอดปัจจุบัน 129 คน คงยอดปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 1,407 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.กำหนด
สุกัลยา บัวงาม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 0819503127

เรื่องราวที่คุณอาจพลาดไป